100 ที่เที่ยวสวย “ภาคตะวันออก” ดีต่อใจ เที่ยวได้ทั้งปี

ภาคตะวันออกเป็นที่เที่ยวยอดฮิตในดวงใจของใครหลายๆคนเนื่องจากเดินทางง่ายเดินทางใกล้สะดวกสบายจะขับรถไปเองหรือจะนั่งรถประจำทางก็สามารถเดินทางไปเที่ยวได้สบายๆ

เราเลยไม่รอช้า รีบคัดสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ เด็ด ๆ ในภาคตะวันออก มาจัดเป็นลิสต์ ให้ถึง 100 แห่ง ทั่วทั้งภาคตะวันออก 9 จังหว้ด ไล่ตั้งแต่เมืองปากน้ำ สมุทรปราการ เรื่อยไปจนถึงเมืองตราดกันเลยทีเดียว

เก็บกระเป๋าสัมภาระให้พร้อม แล้วออกเดินทางไปพร้อมๆ กับพวกเราเลย

…………………………………………

1.วิหารแปดเซียน มูลนิธิสว่างศรัทธาธรรมสถานกุศลธรรม

วิหารแปดเซียนแปดริ้ว โดดเด่นด้วยอาคารเทวสถานริ้วเยี้ยงไท้เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ภายในประดิษฐานสิ่งศักด์สิทธิ์และเทพเจ้าทั้งแปดหรือสุทธิเทวาจารย์ทั้ง 8 ตามความเชื่อของชาวไทยเชื้อสายจีนเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความยินดีและเป็นสิริมงคล บริเวณใกล้กันมีอุทยานธรรมพระศรีอริยเมตไตรยโพธิ์สัตว์ที่มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่สีทองเหลืองอร่าม

ที่ตั้ง : 53/2 .บางน้ำเปรี้ยว-ฉะเชิงเทรา ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา

โทรศัพท์ : 038 535 049

2.ตลาดน้ำบางคล้า

ดินแดนแห่งของอร่อย มาถึงบางคล้าแล้วก็ต้องแวะตลาดน้ำบางคล้า ที่นี่เป็นตลาดเรือนแพริมแม่น้ำบางปะกง ลักษณะเป็นแพทอดยาวต่อกันหลายหลัง บนแพเต็มไปด้วยร้านขายของกินต่างๆ พร้อมกับพื้นที่สำหรับนั่งรับประทานอาหาร

อะไรที่ว่าเด็ดว่าอร่อยแห่งฉะเชิงเทรา มีอยู่ที่ตลาดแห่งนี้ทั้งหมดนั่นแหละ นอกจากนี้ยังมีบริการล่องเรือเที่ยวชมแม่น้ำบางปะกงจนถึงวัดปากน้ำโจ้โล้ เรือเหมาก็ดี เรือแบบตามรอบเวลาก็ได้ ชิลๆ เพลินๆ มากมาย

ที่ตั้ง : ใกล้กับสถานีตำรวจภูธรบางคล้า ต.บางคล้า อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.00-16.00 .

3.ตลาด 100 ปีบ้านใหม่

ตลาดบ้านใหม่ร้อยปี ถือเป็นตลาดสุดสัปดาห์ที่ฮอตฮิต และน่าเที่ยวที่สุดในฉะเชิงเทรา เป็นชุมชนชาวไทย-จีน เก่าแก่ ริมน้ำบางปะกง ซึ่งเคยซบเซาจากความเจริญทางถนนที่เข้ามา ก่อนหวนกลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วยกระแสการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและตลาดของกินอร่อยๆ เมื่อช่วงราวสิบปีที่ผ่านมา

บอกเลยว่าควรเตรียมท้องมาให้พร้อม เพราะตลาดบ้านใหม่มีของกินอร่อยละลานตา เดินเพลินๆ ถ่ายรูปเพลินๆ ซื้อกินเพลินๆ อิ่มหนำสำราญแน่นอน รวมถึงมีคาเฟ่เก๋ๆ และร้านอาหารริมแม่น้ำ ท่ามกลางบรรยากาศบ้านเรือนไม้เก่าแก่ สาธยายยังไงก็ไม่หมด ต้องไปเดินกันเอาเอง

ที่ตั้ง : ถนนศุภกิจ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.00-16.00 . ส่วนวันธรรมดามีร้านอาหารและคาเฟ่ประจำเปิดอยู่บ้างเล็กน้อย

4.พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ สร้างขึ้นจากแรงบันดาลใจของคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ ผู้จัดสร้างเมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ และปราสาทสัจธรรม เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อใช้เป็นสถานที่เก็บรักษาศิลปวัตถุ มรดกทางวัฒนธรรมด้านต่างๆ และเพื่อสืบสานและอนุรักษ์งานศิลปะไทย ให้คงอยู่สืบชั่วลูกชั่วหลาน

สิ่งที่โดดเด่นและเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่คือ ประติมากรรมช้างสามเศียรหรือช้างเอราวัณขนาดใหญ่ยักษ์ ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนอาคารทรงกลม มองเห็นได้จากระยะไกล โดยช้างเอราวัณนี้ถือเป็นประติมากรรมลอยตัวด้วยวิธีเคาะมือแห่งแรกและใหญ่ที่สุดในโลก ทำจากโลหะทองแดงนับแสนชิ้น มีขนาดใหญ่โตมโหฬารจนต้องตะลึง โดยส่วนหัวมีน้ำหนักถึง 100 ตัน และลำตัวมีน้ำหนักถึง 150 ตัน ตัวช้างรวมอาคารมีความสูงทั้งสิ้น 43.60 เมตร หรือสูงเท่ากับตึก 14 ชั้นเลยทีเดียว

เมื่อเดินเข้าไปชมยังภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ มีการแบ่งพื้นที่การจัดแสดงเป็น 3 ส่วนคือ ชั้นล่างสุด มีชื่อว่า ชั้นสุวรรณภูมิ เป็นส่วนของการจัดแสดงความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์ และจัดเก็บโบราณวัตถุจำนวนมาก ชั้นที่อยู่กึ่งกลาง มีชื่อว่า ชั้นโลก เป็นอาคารทรงโดม ประดุจเข้าพระสุเมรุ ภายในจัดแสดงโบราณวัตถุ และงานฝีมือช่างที่วิจิตรงดงาม เพดานเป็นกระจกสี มีรูปแผนที่โบราณ ดูสวยงามในสไตล์ตะวันตก

ชั้นบนสุด มีชื่อว่า ชั้นจักรวาล เป็นส่วนที่อยู่ภายในท้องช้าง ชั้นนี้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธรูปเก่าแก่ในยุคสมัยต่าง ๆ บนเพดานมีภาพเขียนสีฝุ่นที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับระบบสุริยจักรวาล

ที่ตั้ง : .บางเมืองใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09:00–19:00 .

โทรศัพท์ : 0 2380 0304

5.พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ

ที่นี่เป็นสถานที่ที่รวบรวมข้อมูล อนุรักษ์วัตถุอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับทหารเรือ ไว้ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ มีอาวุธยุทธภัณฑ์และเรือราชพิธี จัดแสดงให้ชมกัน

ด้านในพิพิธภัณฑ์ เย็นสบาย ไม่ร้อนเลย ที่จอดรถสะดวกสบาย มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจให้ดูเยอะแยะไปหมดเลย รับรองว่าหาดูกันไม่ได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน ใครที่ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับทหารเรือ และสงคราม ทาเที่ยวที่นี่รับรองว่าจะได้ความรู้กลับไปมากมายอย่างแน่นอน

ที่ตั้ง : 95 .สุขุมวิท ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวัน จันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 .

โทรศัพท์ : 02 394 1997

6.ป้อมพระจุลจอมเกล้า

ป้อมพระจุลจอมเกล้าหรือที่เรียกสั้นๆว่าป้อมพระจุลที่นี่เป็นป้อมปราการทางน้ำ ที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อป้องกันการรุกรานจากอังกฤษและฝรั่งเศส สองชาติตะวันตกที่ออกล่าอาณานิคมในดินแดนแถบนี้

บริเวณนี้เป็นชัยภูมิที่เหมาะสม เพราะตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา ถ้าหากมีเรือรบของข้าศึกบุกเข้ามาทางปากน้ำ สามารถดักโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้อมแห่งนี้สร้างเป็นป้อมปืนใหญ่ทันสมัยแบบตะวันตก และได้ติดตั้งปืนใหญ่อาร์มสตรอง ขนาด 155 มม. จำนวน 7 กระบอกเป็นอาวุธหลักของป้อม หรือมีชื่อเรียกอีกชื่อ ว่าปืนเสือหมอบเพราะปืนนี้เป็นปืนที่มีความพิเศษคือจะใช้แรงถีบจากการยิงปืนในแต่ละครั้ง ทำให้ตัวปืนหมอบลงกลับมาอยู่ในหลุมยิง ซึ่งทำให้ข้าศึกสังเกตุและยิงสวนกลับมาได้ยาก ทำให้ป้อมนี้เป็นป้อมปราการที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น

นอกจากนี้ภายในบริเวณของป้อมพระจุลฯ ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิเช่น พระบรมราชานุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งสร้างจากกระสุนปืนใหญ่ , พิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลอง ที่เป็นเรือรบที่ประจำการยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์กองทัพเรือไทย และเป็นเรือรบที่มีความเก่าแก่เป็นอันดับ 2 ของโลก ได้ผ่านการใช้งานในหน้าที่สำคัญหลายครั้ง เช่น เคยใช้เป็นเรือพระที่นั่งในรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9, ร่วมรบในสงครามมหาเอเชียบูรพา และใช้เป็นเรือฝึกของทหารเรือจนได้ชื่อว่าเป็นเรือครูของราชนาวีไทย

ปัจจุบันกองทัพเรือได้ดำเนินการอนุรักษ์และปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์เรือรบไทย เพื่อให้กับเยาวชนคนรุ่นหลังได้มาศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์ ความกล้าหาญของบรรพบุรุษ ที่รักษาผืนแผ่นดินไทยให้อยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้

ที่ตั้ง : .แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 .

โทรศัพท์ : 02 475 6109

7.ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

ตลาดน้ำบรรยากาศคลาสสิกใกล้กรุงเทพฯเกิดขึ้นจากความร่วมมือของอบต.บางน้ำผึ้งและชาวบ้านในชุมชนร่วมกันรื้อฟื้นวิถีชีวิตเก่าๆให้กลับคืนมาอีกครั้ง ด้วยการสร้างตลาดน้ำขึ้น เพื่อใช้เป็นสถานที่ขายผลผลิตของชุมชนและตำบลใกล้เคียง และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในชุมชนบางน้ำผึ้ง

ภายในตลาดน้ำ เต็มไปด้วยเมนูของกินมากมายไม่ว่าจะเป็น ปลาทูซาเตี๊ยะ, ขนมครกหอยทอด , ปลาตะเพียนต้มเค็ม, แกงบอน, ทอดมันปลากราย รวมถึงผักผลไม้สดจากสวนของชาวบ้านบางน้ำผึ้งเอง ที่นำออกมาขายให้นักท่องเที่ยวในราคาย่อมเยา เช่น มะพร้าวอ่อน มะม่วงน้ำดอกไม้ เป็นต้น

ใครที่ชอบไหว้พระ ก็แวะเข้าไปไหว้พระทำบุญที่วัดบางน้ำผึ้งได้ ส่วนใครที่เป็นสายปั่น ที่นี่คือแหล่งปั่นจักรยานยอดนิยมอีกแห่งหนึ่ง เหมาะกับการมาปั่นเพื่อชมวิถีชีวิต ชมธรรมชาติ และสูดอากาศบริสุทธ์ที่คุ้งน้ำบางกระเจ้า ซึ่งถือเป็นปอดของชาวกรุงเทพฯอีกด้วย

ที่ตั้ง : .บางน้ำผึ้ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวันเสาร์-วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 .

8.ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ

ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ ตั้งอยู่ถนนท้ายบ้าน ตําบลท้ายบ้าน ห่ างจากตัวเมืองประมาณ 4 กิโลเมตร หรือสามารถเข้าทางถนนสุขุมวิท (สายเก่า) เทศบาลบางปูซอย 46 ตั้งขึ้นเมื่อ พ.. 2493 ปัจจุบันเป็นฟาร์มจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ภายในเป็นสถานเพาะเลี้ยงจระเข้ มีการแสดงโชว์จระเข้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 . นอกจากนี้ยังมีการ แสดงของช้างแสนรู้ซึ่งเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอันมาก โนอกจากการเลี้ยงจระเข้แล้ว ภายในฟาร์มยังมีสัตว์อื่น ๆ อีก เช่น เสือ ลิงชิมแปนซี ชะนีเต่า งู นก อูฐ ฮิปโปโปเตมัส กวาง และปลาจํานวนมาก

ที่ตั้ง : บางปูซอย 46 .ท้ายบ้าน ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 .

โทรศัพท์ : 02 703 4891

9.สถานตากอากาศบางปู

บางปู อีกหนึ่งแลนด์มาร์คถ่ายภาพอันโด่งดังกับฝูงนางนวลที่อพยพมาอยู่บริเวณนี้เพียงช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนเท่านั้น

โดยสามารถเดินชิลล์ๆ ยาวๆ ไปบนสะพานสุขตาชมท้องฟ้ายามเย็นกับสายลมริมทะเล และให้อาหารเหล่านกที่บินว่อนบนท้องฟ้า นอกจากนี้ยังมีเส้นทางชมป่าชายเลน มีร้านอาหารอร่อยๆ รวมทั้งที่พักสำหรับใครที่อยากซึมซับบรรยากาศของที่นี่อย่างจริงจังด้วย

ที่ตั้ง : .บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00–20:00 .

โทรศัพท์ : 0 2323 9911

10.เมืองโบราณ

เมืองโบราณ แหล่งท่องเที่ยวซึ่งอยู่คู่กับคนไทยมานานหลายสิบปี นั่นคือ เมืองโบราณ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ..2506 โดยนายเล็ก วิริยะพันธุ์ สร้างบนพื้นที่กว่า 800 ไร่ ถือเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวบรวมสถานที่สำคัญ ๆ จากทั่วทั้งประเทศมาไว้ที่นี่ ไล่ตั้งแต่พระที่นั่งสรรเพชญ, วัดภูมินทร์, ปราสาทเขาพระวิหาร, พระธาตุพนม, พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช, ขบวนเรือพระราชพิธี, เรือสำเภา ฯลฯ โดยทุกแห่งจะจัดแบ่งไว้ตามภูมิภาคอย่างดี เพื่อความต่อเนื่องในการเที่ยวชม

นักท่องเที่ยวสามารถเลือกวิธีการเที่ยวชมได้ทั้ง จักรยาน รถราง รถกอล์ฟ หรือจะนำรถยนต์เข้าไปเองก็ได้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนได้ชมความสวยงามและซาบซึ้งกับรากเหง้าของศิลปวัฒนธรรมไทย ราวกับว่าได้ไปเที่ยวทั่วทั้งประเทศภายในวันเดียว

ที่ตั้ง : .บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

เวลาเปิดปิด : 09:00–19:00 . ทุกวัน

โทรศัพท์ : 0 2323 4094-9

11.บ้านธูปหอมสมุนไพร

บ้านธูปหอมสมุนไพร จากป้ายทางเข้า ปั่นจักรยานไปตามทางปูนแคบๆ ใต้ร่มไม้ใหญ่ไม่ไกลจะพบกับบ้านหลังน้อยในสวนที่มีกิจกรรมน่าสนุกให้ทำหลายอย่าง โดยเฉพาะวันหยุดมีเวิร์คช็อปทำผ้ามัดย้อมและธูปหอม ซึ่งผ้ามัดย้อม จะสอนทั้งวิธีมัดให้เป็นลวดลายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ลายหอยใหญ่ ลายหอยออร่า ลายหอยใบไม้ ลายกนก ลายสี่เหลี่ยม ฯลฯ

สีสันก็มีให้เลือกละเลงได้ตามชอบ ส่วนฝั่งธูปหอมก็สนุกเพราะจะได้ลองปั้นๆ ลูบๆ ทำธูปไล่ยุงด้วยตัวเอง ส่วนผสมก็ล้วนมาจากสมุนไพร เช่น ตะไคร้ ขมิ้นชัน มะกรูด อบเชย กะถิน ชะอม นอกจากนี้ยังมีขนมไทยที่ทำมาจากพืชพรรณท้องถิ่นทำสดๆ ให้ชิมกัน ทั้งขนมจาก ข้าวต้มมัดใบจาก น้ำลูกจากใบเตย

วิสาหกิจชุมชนบ้านธูปหอมสมุนไพร เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 9:00-15:00 . กิจกรรมทำผ้ามัดย้อมและทำธูปหอม ราคาเริ่มต้นเพียงคนละ 60-70 บาท มาทำกิจกรรมเป็นหมู่คณะต้องจองล่วงหน้า

ที่ตั้ง : .บางกระเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

โทรศัพท์ : 086 569 1650, 02 815 0729

12.อุทยานวังตะไคร้

แหล่งพักผ่อนหย่อนใจระดับตำนาน อดีตที่พำนักของกรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิ์พินิจ และหม่อมราชวงศ์หญิงพันธุ์ทิพย์ บริพัตร ภายในพื้นที่ 2.4 ตารางกิโลเมตรของอุทยานอัดแน่นไปด้วยความร่มรื่นของพันธุ์ไม้ทั่วพื้นที่รวมทั้งสวนพฤกษศาสตร์สวนกุหลาบน้ำตกจำลองและสายน้ำธรรมชาติที่ไหลผ่านทั้งคลองตะเคียนและคลองมะเดื่อ

กิจกรรมก็มีให้ทำมากมายได้ทั้งครอบครัว เช่น ล่องแก่ง, ขับ ATV, Paintball, ล่องเรือชมเขื่อนขุนด่านปราการชล รวมทั้งกิจกรรมผจญภัยตามฐานต่างๆ และโหนสลิง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีครบทั้งที่พัก ลานกางเต๊นท์ และร้านอาหารอีกด้วย

ที่ตั้ง : .สาริกา อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก

เวลาเปิดปิด : 08:00-18:00 . ทุกวัน

โทรศัพท์ : 037 385 164-5, 081 989 0365

13.เขื่อนขุนด่านปราการชล

ชื่อเดิมคือเขื่อนคลองท่าด่านหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าเขื่อนแห่งนี้ เป็นเขื่อนคอนกรีตบดอัดยาวที่สุดในประเทศไทยและในโลก มีความยาวรวม 2,720 . ความสูง (สูงสุด) 93 . สร้างกั้นแม่น้ำนครนายกเพื่อจัดสรรทรัพยากรน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของชาวนครนายก รวมไปถึงจังหวัดใกล้เคียงได้อย่างเท่าเทียม

เขื่อนนี้สร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของในหลวง ร.9 เพื่อเก็บกักน้ำในช่วงหน้าฝนไว้ในหน้าแล้ง และควบคุมไม่ให้เกิดน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎร ไร่นาและพื้นที่การเกษตรในหน้าฝน โดยสร้างครอบฝายท่าด่านเดิม

ไฮไลท์หลักของการเดินทางมาเที่ยวชมเขื่อนแห่งนี้ คือสามารถชมอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้จากบริเวณสันเขื่อนด้านหน้า และชมทิวทัศน์เมืองนครนายกด้านหลังเขื่อน รวมถึงมีการจัดตั้งโครงการในอนาคตเพื่อใช้เป็นแหล่งพักผ่อน รองรับกิจกรรมทางกีฬาในอนาคต

ส่วนกิจกรรมท่องเที่ยวยอดนิยมที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ ล่องแก่งลำน้ำนครนายก ชมพันธุ์ไม้นานาชนิด พร้อมกับเรียนรู้เรื่อง การสร้างเขื่อนภายในพิพิธภัณฑ์ขุนด่านปราการชลตลอดจนชมอาคารที่ประทับเทิดพระเกียรติในหลวง ร.9 และพระบรมวงศานุวงศ์ที่ตั้งอยู่บนยอดเขา

ที่ตั้ง : .หินตั้ง อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก

เวลาเปิดปิด : 09:00-17:00 . ทุกวัน

โทรศัพท์ : 037 384 192-3

14.อุโมงค์ไผ่วัดจุฬาภรณ์

หน้าฝนทั้งที่ก็ต้องหาแบ็คกราวด์เขียวๆ สบายตาเป็นฉากหลังจะได้เข้าบรรยากาศ อย่างอุโมงค์ต้นไผ่ที่ด้านหน้าวัดจุฬาภรณ์วนาราม แห่งนี้ ซึ่งเป็นไผ่ที่เติบโตตามธรรมชาติ มีลักษณะสูงใหญ่ ยอดโค้งเข้าหากัน เรียงตัวเป็นแนวยาวสองข้างทางกว่า 800 เมตร มองแล้วสบายตา เดินผ่านก็ร่มรื่น ได้ความรู้สึกเย็นใจก่อนเข้าไปไหว้พระในวัด ส่วนสายถ่ายภาพก็อย่าลืมพกเลนส์ดีๅ มาด้วย ถ่ายหน้าชัดละลายหลังสวยจริงๆ

ที่ตั้ง : .บ้านพริก อ.บ้านนา จ.นครนายก

เวลาเปิดปิด : 06:00-18:00 . ทุกวัน

โทรศัพท์ : 080 011 3791

15.น้ำตกนางรอง

น้ำตกสวยและมีชื่อเสียง พื้นที่จริงๆ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แต่เรื่องการดูแลท่องเที่ยวจัดการบริการโดยหน่วยงานท้องถิ่น ซึ่งทำให้มาเที่ยวที่นี่มีให้บริการพร้อมเรื่องอาหาร ของกิน รวมถึงบ้านพัก ลานกางเต็นท์

ทางเดินศึกษาธรรมชาติท่ามกลางร่มไม้ใหญ่พาเราเดินขึ้นไปตามชั้นน้ำตก บางช่วงเป็นลำธารไหลผ่านซอกหิน น้ำสวยใสน่าเล่น บรรยากาศสดชื่นมาก ถ้าอยากเล่นแบบแอ่งใหญ่ๆ ไม่ไกลจากทางเข้ามีฝายน้ำล้นให้แช่สบายใจ

ที่ตั้ง : .หินตั้ง สุดถนน ทล.3049 .เมือง จ.นครนายก

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 .

16.อ่างเก็บน้ำห้วยปรือ

สถานที่พักผ่อนสำหรับครอบครัวในช่วงสุดสัปดาห์น่าจะเป็นนิยามของ อ่างเก็บน้ำห้วยปรือ ได้อย่างชัดเจน เพราะด้วยความสวยงามของผืนน้ำตัดกับภูเขาที่รายล้อมอ่างเก็บน้ำเอาไว้นักท่องเที่ยวจึงเลือกเดินทางมาพักผ่อนชมวิวทิวทัศน์ที่นี่เสมอ

นอกจากนี้ที่นี่ยังถูกใช้เป็นศูนย์กีฬาทางน้ำของ จ.นครนายก เนื่องจากมีศักยภาพในการเล่นเรือกรรเชียง เรือแคนนูน้ำเรียบ เรือใบ และวินด์เซิฟในบางฤดูแถมยังมีถนนลาดยางรอบอ่างที่เหมาะสำหรับออกกำลังกายอีกด้วย

ที่ตั้ง : .เขาพระ อ.เมือง จ.นครนายก

17.น้ำตกเหวนรก

แค่ได้ยินชื่อหลายคนน่าจะนึกภาพออกว่าเป็นน้ำตกใหญ่และน่ากลัวขนาดไหน เพราะเป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และภาคกลาง เมื่อเดินเข้าไปใกล้น้ำตกจะพบกับสายน้ำที่ไหลมารวมตัวกันแล้วทิ้งตัว 90 องศา ลงมายังพื้นล่างจนกลายเป็นละอองน้ำลอยไปทั่วผืนป่า

ลักษณะเด่นของน้ำตกเหวนรกคือมี 3 ชั้น โดยน้ำตกชั้นแรกที่มีความสูง 50 . ต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 1 กม. และไต่บันไดเหล็กลงไปสู่จุดชมวิวอีก 200 . สำหรับชั้นที่ 2 และ 3 นั้นอยู่สูงขึ้นไปอีก ซึ่งมีความสูงรวมกันถึง 150 . แต่บริเวณดังกล่าวยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเนื่องจากสภาพป่ายังคงความอุดมสมบูรณ์สูงและเป็นพื้นที่หากินของสัตว์ป่ามากมาย

ที่ตั้ง : .นาหินลาด อ.ปากพลี จ.นครนายก

18.น้ำตกสาริกา

อีกหนึ่งน้ำตกสวยที่ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ลักษณะเด่นที่แตกต่างไปจากน้ำตกอื่น ๆ คือลักษณะของน้ำตกที่มีความกว้างใหญ่ไหลจากหน้าผาเป็นทอดถึง 9 ชั้น โดยความสูงของหน้าอยู่ที่ประมาณ 200 . สำหรับน้ำตกสาลิกา นั้นจะสวยที่สุดในช่วงเดือน ก..-.. โดยด้านล่างของตัวน้ำตกจะมีบริการห้องอาบน้ำและห้องสุขา ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และมีจุดสำหรับนั่งพักผ่อนไว้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย

ที่ตั้ง : .สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก

19.พิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาอภัยภูเบศร

อาคารประวัติศาสตร์ในสถาปัตยกรรมยุโรปเก่าแก่ สร้างโดยเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นที่ประทับของสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หากเสด็จฯ มายังมณฑลปราจีนบุรี จนต่อมาได้มีโอกาสเป็นที่ประทับแรมของรัชกาลที่ 6 และได้กลายเป็นสถานพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในเวลาต่อมา

ปัจจุบันในส่วนโรงพยาบาลได้ย้ายไปอยู่ในอาคารใหม่ใกล้ๆ ส่วนตึกฝรั่งแห่งนี้ก็กลายเป็นที่จัดแสดงพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร ทั้งมีตู้เก็บสมุนไพร ครกบดยา รางบดยา หินฝนยา ตลอดจนตำรายาไทยให้ชม รวมทั้งมีบริการนวดแผนไทยสำหรับคนทั่วไปด้วย

นอกจากนี้ อย่าลืมแวะซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรแบรนด์เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่มีให้เลือกหลากหลายภายในโรงพยาบาลด้วย

ที่ตั้ง : .ปราจีนอนุสรณ์ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี

เวลาเปิดปิด : 08:30-16:30 . ทุกวัน

โทรศัพท์ : 037 211 088 ต่อ 3166

20.บ้านเล่าเรื่องเมืองสมุนไพร

มาเที่ยวเมืองปราจีนบุรี เมืองแห่งสมุนไพรไทย เรา่เลยไม่อยากให้ทุกคนพลาดแหล่งนัดพบสำหรับสาวกสมุนไพร กับหนึ่งในร้านอาหารของมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ณ บ้านเล่าเรื่องเมืองสมุนไพรปราจีนบุรี อ.เมืองปราจีนบุรี ภายในตกแต่งน่ารักสไตล์สมุนไพร จากของตกแต่งตามผนัง มีทั้งอาหารคาวหวาน เมนูอาหารของที่นี่ปรุงจากพืชผักสมุนไพรไทย ราคาก็ไม่แพง อร่อยและได้ประโยชน์ทุกจาน

ที่ตั้ง : ตำบลหน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี

เวลาเปิดปิด 11.00 – 19.30 .

โทรศัพท์ : 037 211 289

21.ภูมิภูเบศร ศูนย์การเรียนรู้สมุนไพรและภูมิปัญญาสุขภาพ บางเดชะ

อุทยานการเรียนรู้สมุนไพรและภูมิปัญญาสุขภาพ บางเดชะ เป็นอีกแหล่งความรู้ในเรื่องภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยและสมุนไพรที่มีบรรยากาศคลาสสิคราวกับได้ย้อนยุคไปร่วมสมัยเดียวกับ หมื่นชำนาญแพทยา หมอหลวงในรัชกาลที่ 5 เมื่อ 100 กว่าปีก่อนเลยทีเดียว

โดยภายในเรือนหมอพลอย มีทั้งพิพิธภัณฑ์หมอไทย ที่จัดแสดงภูมิปัญญาการรักษาโรคของหมอไทยในสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นตำรับยา การเจียดยา รวมทั้งกิจกรรมเรียนรู้พร้อมเจ้าหน้าที่แนะนำ อย่างการผสมยาดมด้วยตัวเอง มีมุมเครื่องดื่มที่นำเอายาดองสูตรต่างๆ มาผสมให้ได้เครื่องดื่มรสชาติเฉพาะตัวแถมดีต่อสุขภาพ จุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

นอกจากนี้ ยังมีสวนสมุนไพร และโซนจัดแสดงไห ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ

ที่ตั้ง : .บางเดชะ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี

เวลาเปิดปิด : 08:30-16:30 . ทุกวัน

โทรศัพท์ : 097 098 3582

22.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรี

ที่นี่เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติซึ่งจัดแสดงวัตถุโบราณต่างๆ และบอกเล่าเรื่องราวจากครั้งอดีตได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ หรืออย่างน้อยด้านในก็คือห้องแอร์เย็นฉ่ำ จัดแสงสวยงามมากมาย

วัตถุโบราณส่วนมากมาจากยุคสมัยทวารวดี แต่ไฮไลท์ล่าสุดคือพระพิฆเนศหินทรายแกะสลักอายุกว่าพันปี ค้นพบที่เมืองโบราณศรีมโหสถ .ศรีโหสถ ปราจีนบุรี นี่แหละ เมื่อก่อนจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร ก่อนย้ายกลับมาปราจีนบุรีไม่นานมานี้

ที่ตั้ง : .ปราจีนอนุสรณ์ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี

อัตราค่าเข้าชม : ชาวไทย 30 บาท , ชาวต่างชาติ 150 บาท

เวลาเปิดปิด : 09.00 – 16.00 . วันพุธวันอาทิตย์

โทรศัพท์ : 03-721-1586

23.พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์

ย้อนเวลาไปเดินเล่นชมของสะสมละลานตา ที่เก่าเก็บตั้งแต่เป็นร้อยปี มาจนยุคเรายังเด็ก ให้หวนรำลึกถึงความหลังกัน

โดยภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งเป็นอาคารจัดแสดงถึง 5 อาคาร อาคาร 1 และ 2 รวบรวมเครื่องใช้ในบ้านสมัยก่อนที่หลายคนอาจจะเกิดไม่ทัน เช่น เตารีดโบราณ ตู้เย็นใช้น้ำมันก๊าด รวมทั้งตะเกียงเจ้าพายุหลากหลายชนิดที่ปัจจุบันหาดูได้ยากแล้ว อาคาร 3 จัดแสดงรูปเก่าของเมืองปราจีนบุรี อาคาร 4 สร้างเป็นหอทรงตะเกียง สำหรับขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ และอาคาร 5 รวบรวมเรือหลากหลายชนิดให้ได้ชม

ที่ตั้ง : .ปราจีนตคาม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี

เวลาเปิดปิด : 09:00-17:00 . ปิดวันจันทร์

โทรศัพท์ : 081 295 8218

24.พระพุทธทวารวดีศรีปราจีน สิรินธรโลกนาถ

ภายในพุทธอุทยานเขาอีโต้ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธทวารวดีศรีปราจีน สิรินธรโลกนาถ พระปรางค์นาคปรกองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศ และถ้าตรงต่อไปเรื่อยๆ ก็จะถึงยอดสูงสุดเขาอีโต้ เป็นถนนสีเขียวร่มรื่นมาก เรียกว่าพอขึ้นมาแล้วจะเที่ยวให้ครบต้องใช้เวลาพอสมควรเลยล่ะ

ที่ตั้ง: .บ้านพระ อ.เมือง ปราจีนบุรี

25.เมืองโบราณศรีมโหสถ

เมืองโบราณศรีมโหสถ เมืองเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ก่อนพุทธศตวรรษที่ 6 ในอดีตที่นี่เคยเป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่ เป็นศูนย์กลางความเจริญทั้งด้านศิลปะ วัฒนธรรม รวมถึงพุทธศาสนา ชมซากเมืองโบราณขนาดใหญ่ที่ยังเหลือร่องรอยอยู่ไม่น้อย พร้อมกับบูชารอยพระพุทธบาทคู่ ซึ่งถือเป็นรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองไทย

เป็นเมืองโบราณสมัยทวารวดีขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นรูปไข่ หรือสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมน มีเนื้อที่ประมาณ 700ไร่ ลักษณะของเมืองมีคูเมือง และคันดินกำแพงเมืองล้อมรอบคูน้ำ ภายในเมืองมีโบราณสถาน เนินดิน สระน้ำ บ่อน้ำ กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปกว่า 100แห่ง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี หลักฐานส่วนใหญ่ที่พบมักจะเกี่ยวเนื่องกับศาสนาพราหมณ์ หรือฮินดู เช่น เทวาลัย เทวรูป ศิวลึงค์ โบราณสถานที่สำคัญในเมืองศรีมโหสถประกอบด้วย กลุ่มโบราณสถานกลางเมือง อายุราวพุทธศตวรรษที่ 18เป็นหมู่เทวาลัย ฐานก่อด้วยศิลาแลง ด้านบนก่อด้วยอิฐ

ด้านหลังมีบ่อน้ำก่อด้วยศิลาแลง อายุราวพุทธศตวรรษที่ 11-12 โบราณวัตถุที่ขุดพบ ได้แก่ เทวรูปต่าง ๆ และเศษเครื่องปั้นดินเผา สมัยลพบุรี สุโขทัย อยุธยาและรัตนโกสินทร์ ภูเขาทอง เป็นเจดีย์รูปกลม ลักษณะเหมือนโอคว่ำ สมัยทวารวดี โบราณสถานหมายเลขที่ 25 เป็นเทวาลัย รากฐานอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก่อด้วยศิลาแลง อายุราวพุทธศตวรรษที่ 11-12โบราณสถานสระแก้ว ตั้งอยู่นอกเมืองศรีมโหสถไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เป็นสระน้ำโบราณขนาดกว้างประมาณ 18 เมตร ขุดลงไปในชั้นของศิลาแลงธรรมชาติ ตัวสระเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ทางด้านทิศตะวันตกมีทางลงทำเป็นขั้นบันไดกว้าง 4เมตร ความยาวทางลง 13.60 เมตร ผนังขอบสระทุกด้านมีการแกะสลักภาพนูนต่ำเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ เช่น รูปช้าง มกร (มะกอน, มะกอระ หรือมะกะระ หมายถึง มังกร) สิงห์ หมู กินรี งูพันเสา สัตว์เหล่านี้เป็นสัตว์ชั้นสูง

สันนิษฐานว่าเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของ กษัตริย์เมืองศรีมโหสถ อายุราวพุทธศตวรรษ ที่ 10-11 หลวงพ่อทวารวดีเป็นพระพุทธรูปเก่าสมัยทวารวดี ปางแสดงธรรม สูง 2 เมตร งานช่างแบบทวารวดี อายุราว พ.. 1300-1500 ขุดพบที่นิคมโรคเรื้อน โรงพยาบาลคามิลโล อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี

ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่หอพระหน้าที่ว่าการอำเภอศรีมโหสถ ส่วนฐานพระพุทธรูปสลักหินชิ้นเดียวกับองค์พระเป็นรูปกลีบบัวหงาย พระบาท และข้อพระบาทสลักนูนสูงอิงติดกับแผ่นหลัง ช่วยถ่ายเทน้ำหนักให้ชำรุดยากยิ่งขึ้น องค์พระพุทธรูปครองจีวรห่มคลุม ไม่มีริ้ว แนบพระวรกาย ชายจีวรด้านหน้าห้อยตกลงมาเป็นรูปวงโค้ง ตามอย่างที่ปรากฏอยู่เสมอในงานช่างทวารวดี พระพักตร์ค่อนข้างกลม พระขนงเป็นสันหนาต่อกันเป็นรูปปีกกา พระเนตรโปน พระนาสิกใหญ่ ฝีพระโอษฐ์หนา ขมวดพระเกศาใหญ่ มีพระอุษณีษะโป่งนูนเล็กน้อย ตามอย่างงานช่างทวารวดีพื้นเมือง พระกรทั้งสองข้างยื่นออกมาจากพระองค์เล็กน้อยตามข้อจำกัดเรื่องขนาดหินที่นำมาสลัก ทำให้นิ้วพระหัตถ์ไม่สามารถแสดงอากัปกิริยาได้อย่างอิสระเท่ากับศิลปะต้นแบบในชมพูทวีป

จนดูคล้ายกับผิดสัดส่วน การแสดงวิตรรกะมุทรา คือปางแสดงธรรมทั้งสองพระหัตถ์ เป็นลักษณะที่ปรากฏอยู่ทั่วไปในงานช่างอุษาคเนย์ช่วงก่อน พ.. 1500 แต่นิยมมากที่สุดในงานช่างแบบทวารวดี

ที่ตั้ง: หมู่ 2 บ้านโคกวัด ต.โคกปีบ อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี

26.อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา

อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา หรือห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ เป็นแหล่งน้ำสำคัญในพื้นที่และป้องกันน้ำท่วม รักษาระบบนิเวศในแม่น้ำปราจีนบุรีและบางปะกง

เป็นเขื่อนดินสูง 32.75 เมตร ก็บกักน้ำได้ 295 ล้านลูกบาศก์เมตร ช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง รวมทั้งช่วยรักษาระบบนิเวศ ผลักดันน้ำเค็ม น้ำเน่าเสีย ในแม่น้ำปราจีนบุรี และแม่น้ำบางปะกง ในช่วงฤดูแล้งเป็นประจำเกือบทุกปี

นอกจากนี้อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจแห่งใหม่ ที่สามารถเข้ามาเที่ยวชมความงดงามของอ่างเก็บน้ำที่มีภูเขาอยู่เบื้องหลังได้ตลอดทั้งปี และนับเป็น โครงการในพระราชดำริ โครงการสุดท้ายของในหลวงรัชกาลที่ 9 อีกด้วย

ที่ตั้ง : .แก่งดินสอ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี

โทรศัพท์ : 037 629 281

27.อุทยานแห่งชาติทับลาน

เมื่อพูดถึงอุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ นักท่องเที่ยวหลายคนคงรู้จักในชื่ออุทยานแห่งชาติทับลานด้วยเนื้อที่ 1,397,375 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ จ.นครราชสีมา และ จ.ปราจีนบุรี ที่นี่ยังถือเป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธารสำคัญหลายสาย เนื่องจากมียอดเขาสูงสุดอย่างยอดเขาละมั่งสูงที่ระดับ 992 เมตรซึ่งมีความสมบูรณ์มากทั้งป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบชื้นและป่าดิบแล้ง

สำหรับจุดสำคัญของอุทยานแห่งชาติทับลาน คือ บริเวณบ้านทับลาน บ้านขุนศรี บ้านบุพราหมณ์และบ้านวังมืด จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าลานเป็นป่าผลัดใบที่มีสภาพเป็นป่าโปร่งมีต้นลานขึ้นอย่างหนาแน่นทั่วพื้นที่

โดยป่าลานนี้มีเนื้อที่ 200 ไร่ บริเวณที่ราบบนเขาละมั่ง ด้าน ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเต็มไปด้วยไม้ลานเป็นพืชในตระกูลปาล์ม (Palmae) บริเวณป่าลานและป่ารุ่นยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าอีกด้วย

ที่ตั้ง : .บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี

28.อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์

แวะไปนั่ง ๆ นอน ๆ ชิล ๆ ริมอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ ชื่นชมทัศนียภาพเหนืออ่างเก็บน้ำบริเวณเชิงเขาอีโต้ แหล่งต้นน้ำสำคัญโดยมียอดเขาที่เป็นจุดชมวิวไฮไลท์ที่ห้ามพาดเมื่อเดินทางมาถึงอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ซึ่งสามารถนำรถยนต์ขับขึ้นไปได้ในระยะทาง 11 กิโลเมตรและช่วงกิโลเมตรที่ 6 ยังจะได้ชวนฉงนกับเนินพิศวงที่ยาวประมาณ 150 เมตร เพียงจอดรถแล้วปลดเกียร์ว่าง รถจะไหลขึ้นเนินเขาได้ราวกับมีมือดีมาช่วยผลัก

สำหรับกิจกรรมท่องเที่ยวในบริเวณอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์นั้นมีทั้งปั่นจักรยาน เดินเล่น หรือชมวิวตามแนวสันเขื่อน โดยช่วงเวลาเหมาะที่สุดคือตอนเช้าตรู่และในช่วงฤดูหนาวยังจะได้สัมผัสสายหมอกขาวได้อย่างเต็มตาอีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งจัดท่องเที่ยวที่ควรแวะมาเช็กอินเป็นอย่างมาก

ที่ตั้ง : .บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี

29.แก่งหินเพิง

ใครที่รักในกิจกรรมการท่องเที่ยวแบบผจญภัย ต้องแวะมาที่แก่งหินเพิงโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนกรกฎาคมจนถึงเดือนตุลาคมที่นี่จะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เร้าใจ กับกิจกรรมล่องแก่งหินเพิงกลางสายน้ำเชี่ยว ซึ่งแก่งหินเพิงจัดเป็นแก่งในระดับ 3-5

การล่องแก่งต้องอาศัยแพยางที่จุได้ 8-10 คนต่อลำ ล่องผ่านแก่งต่าง ๆ กลางสายน้ำสีขาวที่ไหลเชี่ยวกราก พลาดไม่ได้กับแก่งสไลเดอร์ที่นักท่องเที่ยวสามารถลงไปนอนเล่นในน้ำได้ปล่อยตัวลอยขนาน ไปกับสายน้ำสร้างความสนุกสนานมากมายสุด ๆ

ที่ตั้ง : .สะพานหิน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี

30.ถ้ำเพชรโพธิ์ทอง

ถ้ำเพชรโพธิ์ทอง เป็นถ้ำขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่อยู่บริเวณเชิงเขาเหลื่อมที่อ.คลองหาด ก่อนเข้าถึงจะเป็นทางเดินระยะทางประมาณ 700 เมตร ผ่านป่าไม้ร่มรื่น ส่วนภายในถ้ำมีไฟส่องสว่างและอากาศถ่ายเทไม่อบอ้าว

เมื่อผ่านช่วงประตูสู่ถ้ำเพชรโพธิ์ทอง จะพบความงดงามอยู่ที่หินงอกหินย้อยที่เต็มไปด้วยผลึกแร่ธาตุจนสะท้อนกับแสงไฟระยิบระยับราวกับฝังเพชร ทั้งห้องโถงอุโมงค์ใหญ่ ห้องมุขประดับเพชร และประตู่สู่ปราสาทถ้ำฯ นอกจากความงามด้านในถ้ำ

ใกล้กับถ้ำยังมีจุดชมทิวทัศน์อีกสองจุดคือ ผาโมกราชินี ทางขึ้นลาดชันแต่ร่มรื่นด้วยไม้นานาชนิด มองเห็นทิวไม้และไร่ข้าวโพดของชาวบ้านระยะไกล อีกจุดคือผาหินเทิบ จากจุดนี้จะมองเห็นบ้านพนมไดของประเทศกัมพูชา

ที่ตั้ง : .คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว

โทรศัพท์ : 037 445 147, 089 800 6118

31.ถ้ำน้ำเขาศิวะ

อันซีนแห่งสระแก้ว ที่นี่ไม่ใช่ถ้ำในเขาหินปูนธรรมดา แต่เป็นถ้ำที่เราต้องว่ายน้ำลอยคอเข้าไป เพราะมีน้ำไหลด้านในอยู่ตลอดเวลา ลอยเข้าไปชมหินงอกหินย้อยและน้ำตกเล็กๆ ในถ้ำระยะทางประมาณ 500 เมตร บอกเลยว่าเป็นอะไรที่สนุกสนานสุดๆ และไม่ต้องกลัวอันตราย เขามีชูชีพให้อย่างดี

รวมทั้งไกด์ท้องถิ่นซึ่งมีความชำนาญพื้นที่ อย่างไรก็ตามการไปเที่ยวควรติดต่อล่วงหน้าสักนิด เพื่อไกด์จะได้เตรียมพร้อม ให้คำแนะนำ รวมถึงดูเรื่องสภาพอากาศและระดับน้ำในถ้ำด้วยนะ

นอกจากมาเที่ยวยังสามารถกางเต็นท์ค้างแรมบริเวณลานหน้าถ้ำ มาเป็นกลุ่มก๊วนเฮฮาดูดาวยามค่ำก็มีความสุขไปอีกแบบ

ค่าเข้า ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท

ที่ตั้ง : .คลองไก่เถื่อน อ.คลองหาด สระแก้ว

โทรศัพท์ : 037543031

32.ตลาดโรงเกลือ

ตลาดโรงเกลือ ช้อปปิ้งกันแบบไม่เหนื่อย ไม่หลง ไม่เลิก เนื่องจากที่นี่มีพื้นที่กว้างใหญ่และแบ่งโซนแยกย่อยไว้รวมกว่า 3,000 ร้าน แนะนำให้เช่ามอเตอร์ไซค์ขี่

และก่อนมาควรมีลิสต์ของที่อยากได้ไว้นิดนึง จะได้มีเป้าหมายให้พุ่งไปหา ไม่อย่างนั้นอาจจะงบบานปลายได้ เพราะของที่นี่ราคาถูกทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า อุปกรณ์อิเล็คโทรนิก เครื่องนอน ตุ๊กตา เครื่องใช้ในบ้าน ฯลฯ รวมทั้งอาหารพวกของแห้ง ทั้งปลาย่าง ปลาแห้ง ผลไม้จากจีน ฯลฯ สินค้ามีทั้งมือสองก็เยอะ มือหนึ่งก็เพียบ

โดยเฉพาะมือสองที่ว่ากันว่าที่นี่คือแหล่งจำหน่ายสินค้ามือสองอันดับหนึ่งของไทย ส่วนคนที่ไม่มีแผนใดๆ แนะนำให้เดินเล่นไปเรื่อยๆ จะมองเห็นวัฒนธรรมของชาวกัมพูชาแทรกตัวอยู่ในตรอกซอกซอย เป็นเสน่ห์อีกอย่างของตลาดโรงเกลือ

ที่ตั้ง : .อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

เวลาเปิดปิด : 07:00-17:00 . ทุกวัน

33.ละลุ

ชวนมุ่งหน้าสู่บ้านคลองยาง เพื่อไปชมประติมากรรมธรรมชาติที่เกิดจากการยุบตัวพังทลายของดิน และผ่านการกัดเซาะของลมและฝนมาเป็นเวลานาน จนเกิดกำแพงและเสาดินรูปร่างแปลกตาแล้วแต่จะจินตนาการ บนพื้นที่ถึงกว่า 3,000 ไร่ ใครที่ต้องการจะชมละลุ ทางชุมชนมีบริการรถอีแต๊กให้เช่าพาเข้าไปในพื้นที่ สามารถนั่งได้คันละ 6 คน

เพียงเข้าสู่พื้นที่ละลุ ก็จะมองเห็นภูมิประเทศที่เปลี่ยนไปทันที มีทั้งหลุมยุบ และร่องทางที่ต้องอาศัยความชำนาญของชาวบ้านในการหลบหลีก ซึ่งจุดที่จะได้ชมคือบริเวณหลักที่มีป้ายละลุให้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

ส่วนใครจะจัดพร็อบ หรือครีเอทมุมเท่ๆ ยังไง ก็แล้วแต่ความสามารถส่วนบุคคลและช่างภาพ ซึ่งละลุในตอนกลางวันก็ได้บรรยากาศนึง แต่ถ้าติดต่อมาล่วงหน้าเพื่อเข้าไปในถ่ายทางช้างเผือกในละลุตอนกลางคืน ก็จะได้อีกอารมณ์โรแมนติกที่น่าประทับใจจริงๆ

นอกจากนี้ ชุมชนบ้านคลองยางยังมีโฮมสเตย์ให้บริการนักท่องเที่ยวด้วย เป็นแพ็คเกจรวมมื้ออาหารในราคาตามจำนวนคน ส่วนค่าเช่ารถเข้าไปถ่ายดาวตอนกลางคืนแยกต่างหาก

มาถึงแล้วอย่าพลาดลองเมนูเด็ดที่ชาวบ้านแถวนี้เพาะเลี้ยงเป็นล่ำเป็นสัน นั่นคือจิ้งหรีดทอด กรุบกรอบ รสเค็มๆ มันๆ กินคู่น้ำพริก ผักลวก และยังมีผลิตภัณฑ์ชุมชนทั้งมะขามแก้ว กล้วยเบรคแตก และชาสมุนไพร จำหน่ายด้วย

ที่ตั้ง : บ้านคลองยาง ต.ทัพราช อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว

เวลาเปิดปิด : 08:00-18:00 . ทุกวัน

โทรศัพท์ : 065 457 7801, 081 263 9410

34.อ่างเก็บน้ำท่ากระบาก

อ่างเก็บน้ำท่ากระบาก อยู่ที่อ.วัฒนานคร มีจุดเริ่มต้นมาจากพระราชดำริของรัชกาลที่ 9 ในการปรับปรุงระบบชลประทานในเขตพื้นที่ราบเชิงเขา

โดยสร้างเป็นเขื่อนดินสูง 17.50 เมตร และยาว 720 เมตร เพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำสำหรับเกษตรกรในการอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอตลอดทั้งปี

และผลพลอยได้ที่ประชาชนได้รับด้วยก็คือสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เล่นน้ำ ปั่นเรือหงส์ รวมทั้งมีร้านค้าจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟที่ซุ้มริมน้ำ รวมทั้งมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามจากวิวขุนเขาและผืนน้ำกว้าง เหมาะจะชวนกันมาถ่ายภาพเล่นด้วย

ที่ตั้ง : .หนองตะเคียนบอน อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว

เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน

โทรศัพท์ : 037 261 667

35.อ่างเก็บน้ำพระปรง

อ่างเก็บน้ำพระปรง เป็นสถานที่กักเก็บน้ำเพื่อการเกษตรตามพระราชดำริของรัชกาลที่ 9

โดยพื้นที่นี้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติปางสีดา จึงมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากๆ ยิ่งในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม จะมีเทศกาลดูนกน้ำ โดยเฉพาะ นกอ้ายงั่ว ที่จะบินมาหาปลากินบริเวณนี้

นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ ตกปลา ล่องเรือชมธรรมชาติ เล่นน้ำ และเหมาะที่จะพาครอบครัวมาพักผ่อน กินอาหารอร่อย แบบใกล้ชิดติดริมน้ำ

ที่ตั้ง : .ช่องกุ่ม อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว

เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน

โทรศัพท์ : 089 247 4543

36.สกายวอร์ค วัดเขาสิงโต

หนึ่งในแลนด์มาร์คท่องเที่ยวของสระแก้วเลยก็ว่าได้ สำหรับ สกายวอร์ค วัดเขาสิงโต แหล่งท่องเที่ยวที่มีการพัฒนาจากภูเขาสิงโตภูเขาลูกเตี้ย ๆ ให้น่าเที่ยวด้วยการสร้างบันไดทางเดินสกายวอร์คขึ้นไปยังบนยอดเขาเป็นที่แรกในภาคตะวันออก

โดยจุดสูงที่สุดจะจัดทำเป็นสกายวอร์คกว้าง ๆ สามารถชมวิวสวยรอบ ๆ ได้แบบ 360 องศา

เมื่อเดินไปถึงยอดเขาจะต้องเคาะระฆัง 3 ครั้งและสั่นกระดิ่ง เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งโดยรอบของลานด้านบนจะตกแต่งด้วย ธงฉัพพรรณรังษี ที่เป็นธงพระพุทธศาสนาสากล มีทั้งหมด 6 สี คือ แถบที่ 1 สีน้ำเงิน, แถบที่ 2 สีเหลือง, แถบที่ 3 สีแดง, แถบที่ 4 สีขาว, แถบที่ 5 สีแสด ส่วนแถบสุดท้ายหรือแถบสีประภัสสร เป็นแถบสีที่เกิดจากการนำแถบสีทั้ง 5 สีแรกในตอนต้นมาเรียกลำดับใหม่ในแนวนอน

นอกจากนี้ด้านบนสกายวอร์คมีเจ้าหน้าที่กำกับดูแลความปลอดภัยให้เข้าไปได้ครั้งละ 5 คน เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอีกด้วย

ที่ตั้ง : 1 .บ้านแก้ง อ.เมือง จ.สระแก้ว

37.อุทยานแห่งชาติปางสีดา

หากพูดถึงเทศกาลชมผีเสื้อในแต่ละปี ต้องปรากฏชื่ออุทยานแห่งชาติปางสีดาอยู่ในลิสต์อย่างแน่นอน เพราะด้วยความสมบูรณ์ของผืนป่าในอุทยานแห่งชาติปางสีดา ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด รวมทั้งนกหลากหลายสายพันธุ์กว่า 300 ชนิด

ด้วยลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน ที่ปกคลุมด้วยสภาพป่าหลายประเภท ทั้งป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมที่แห่งนี้จึงกลายเป็นความสุขสำหรับคนรักธรรมชาติ

สำหรับไฮไลท์ของการท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดได้แก่ สัมผัสความชุ่มฉ่ำกับน้ำตกสวยที่มีอยู่หลายแห่งอย่าง น้ำตกปางสีดา เป็นน้ำตกที่มีลักษณะเป็นสายน้ำทิ้งตัวจากหน้าผาสูง 8 เมตร ลงสู่เบื้องล่างที่เป็นแอ่งกว้างร่มรื่น และเหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างยิ่ง

ต่อมาคือ น้ำตกผาตะเคียน น้ำตกสวยที่โดดเด่นด้วยหน้าผาสูง 20 เมตร ปิดท้ายด้วย น้ำตกแควมะค่า ที่ต้องเดินเท้าเข้าไป ซึ่งบริเวณใกล้ ๆ กันยังมีน้ำตกรากไทรน้อยที่อยู่ห่างเพียง 500 เมตร ได้สบายอีกด้วย

อีกหนึ่งอย่างที่ไม่ควรพลาดคือ ทุ่งหญ้าบุตาปอด เป็นทุ่งหญ้าที่จะได้พบเห็นสัตว์ป่าจำนวนมากออกมาหากินท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม ปิดท้ายด้วย จุดชมวิว ที่ตั้งอยู่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 40 ที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ไกลสุดตากลางหุบเขากว้างใหญ่ และจะสวยเป็นพิเศษในยามเช้าตอนพระอาทิตย์ขึ้น และยามเย็นในช่วงพระอาทิตย์ตกดินอย่างสวยงามได้อีกด้วย

ค่าบริการ :

  • ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท, เด็ก 20 บาท
  • ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท และเด็ก 100 บาท

ที่ตั้ง : หมู่ 7 .ท่าแยก อ.เมือง จ.สระแก้ว

เวลาเปิดปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 06.00-20.00 .

โทรศัพท์ : 0 3724 7948, 088 1862 1511

38.โรงเรียนกาสรณ์กสิวิทย์

ชวนไปท่องเที่ยวโรงเรียนกาสรกสิวิทย์หรือโครงการธนาคารโคกระบือเพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริเขต จ.สระแก้วที่อัดเน้นไปด้วยความรู้ทางการเกษตร

กิจกรรมที่น่าสนใจภายในโครงการ ได้แก่ การอบรมเกษตรและฝึกกระบือ นิทรรศการ งานวิจัย แปลงนา สระมะรุมล้อมรัก และการทำบ้านดิน ซึ่งนอกจากการเข้าเยี่ยมชมโรงเรียนกาสรกสิวิทย์แล้ว ยังสามารถเข้าไปจิบกาแฟหอม ๆ คลายร้อนที่ร้านกาแฟควายคะนองได้อีกด้วย

สำหรับ โรงเรียนกาสรกสิวิทย์ ก่อตั้งขึ้นโดย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานวโรกาสให้ นายสมจิตต์ และนางมณี อิ่มเอย น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดิน ต.ศาลาลำดวน อ.เมือง จ.สระแก้ว จำนวน 110-3-81 ไร่

และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนา ดำเนินการจัดตั้งโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ เพื่อให้เป็นสถานที่ฝึกกระบือให้สามารถทำการเกษตร และเป็นแหล่งที่ให้ผู้ที่สนใจได้เรียนรู้วัฒนธรรมการเกษตรท้องถิ่น และภูมิปัญญาชาวบ้าน รวมทั้งให้เกษตรกรได้เรียนรู้การใช้ชีวิตแบบพอเพียง

ที่ตั้ง : เลขที่ 999 .สระแก้ว อ.เมือง จ.สระแก้ว

โทรศัพท์ : 037-244-615, 037-244-657, 088-289-1299

39.ปราสาทสด๊กก๊กธม

ชื่อแสนแปลกที่หลายคนสงสัย คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดใน จ.สระแก้ว มาถึงที่นี่ไม่ใช่แค่ท่องเที่ยวเท่านั้นแต่เราสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์ได้หลายอย่าง ซึ่งที่มาของชื่อสด๊กก๊อกธมหมายถึงเมืองที่มีต้นกกขึ้นรกในหนองน้ำใหญ่โดยสถานที่แห่งนี้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 14 เพื่อใช้ประดิษฐานรูปเคารพและใช้ประกอบพิธีกรรมตามคติความเชื่อในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย

สำหรับตัวปราสาทก่อด้วยหินทรายมีโคปุระ หรือซุ้มประตู เหลืออยู่เพียงด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ภายในระเบียงคตมีบรรณาลัยก่อด้วยหินทราย 2 หลังอยู่หน้าปราสาทหลังกลางซึ่งเป็นปรางค์ประธาน ส่วนด้านนอกปราสาททางทิศตะวันออก มีสระน้ำขนาดใหญ่รูปสี่เหลี่ยมและมีถนนปูด้วยหินจากตัวปราสาทไปจนถึงสระน้ำ ปราสาทนี้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ด้วยความเชื่อที่ว่าทิศตะวันออกเป็นทิศแห่งพลังแสงสว่างและสิริมงคล ส่วนทิศตะวันตกเป็นทิศแห่งความตาย

โดยสิ่งสำคัญของการค้นพบปราสาทสด๊กก๊อกธมแห่งนี้คือการค้นพบศิลาจารึก 2 หลังที่จารึกด้วย อักษรขอมโบราณ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งบอกถึงอายุการสร้างปราสาทสด๊กก๊อกธม ทั้งยังบอกถึงวัตถุประสงค์ของการสร้างจารึกหลักที่ 2 ด้วยว่าพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 ได้ปฏิสังขรณ์ปราสาทเมื่อปี พ..1595 และกษัตริย์แห่งอาณาจักรขอมได้เป็นผู้อุปถัมภ์ศาสนา

โดยมีพราหมณ์ปุโรหิตเป็นผู้นำศาสนา คอยให้คำปรึกษาแนะนำ และเป็นสื่อกลางระหว่างเทพเจ้าและกษัตริย์รวมทั้งประวัติ สายสกุลพราหมณ์ผู้ประกอบพิธีเทวราชา การปฏิบัติพระเทวราชและรูปเคารพ การสร้างหมู่บ้าน การบุญต่าง ๆ ในศาสนา เป็นต้น โดยปัจจุบันจารึกทั้ง 2 ถูกเก็บรักษาไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร

ที่ตั้ง : .โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว

เวลาเปิดปิด : เปิดให้ชมทุกวัน เวลา 08.00-18.00 .

40.ปราสาทไม้สัจธรรม

ปราสาทไม้สัจธรรม ตั้งอยู่บริเวณแหลมราชเวช นับเป็นปราสาทไม้แกะสลักริมทะเลแห่งเดียวในประเทศไทย งดงามด้วยประติมากรรมแกะสลักลวดลายซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงโลกทัศน์ ภูมิปัญญา คุณธรรมและปรัชญาของชาวตะวันออก เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.. 2525 โดยคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ ผู้ก่อตั้งเมืองโบราณ สมุทรปราการ

ตัวปราสาทสัจธรรม สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง ใช้ระบบเข้าเดือยหรือใส่สลักไม้แบบไทย นับเป็นงานสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมชั้นสูงแห่งศตวรรษ โดยนอกจากการชมความงดงามของปราสาทไม้สัจธรรมแล้ว ยังมีการแสดงรำไทยในเวลา 11.30 และ 13.30 . อีกด้วย

ปราสาทไม้สัจธรรม

ที่ตั้ง : ซอยนาเกลือ 12 เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

โทรศัพท์ : 0 3836 7227-30

เว็บไซต์ : www.sanctuaryoftruth.com

เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00-18.00 .

41.หาดนางรำนางรอง

แสงแดดกำลังสดใสได้เวลาเที่ยวทะเลสวยๆ กันแล้ว ตรงไปเลยทางตำบลแสมสาร ที่นั่นมีชายหาดในเขตทหารเรือให้เราเลือกเที่ยวเพียบ ขับรถจากตัวอำเภอสัตหีบแค่ 20 นาที หาดสวยและดังที่สุดไม่ควรพลาดอันดับแรกคือ หาดนนางรำ กับหาดนางรอง ถือเป็นหาดพี่หาดน้องในบริเวณอ่าวเดียวกัน ทอดยาวเชื่อมต่อกัน แบ่งด้วยแนวแหลมหินเล็กๆ เท่านั้น ขับรถเข้าไปเราจะเจอหาดนางรำก่อน

เลยอีกนิดก็เป็นหาดนางรอง ทั้งสองหาดร่มรื่นด้วยทิวต้นไม้ ทรายสวย น้ำทะเลใสแจ๋ว ใครไปช่วงพีคสุดๆ บอกได้ว่าอาจเผลอร้องว้าวคิดว่าแถวนี้เป็นทะเลทางใต้เชียวล่ะ แถมที่นี่ยังเป็นหาดเขตทหารเรือที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติมาเที่ยว เพราะฉะนั้นบิกินี่ละลานตาเต็มหาดแน่นอน

ที่ตั้ง : อยู่ใกล้กับการท่าเรือสัตหีบ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

ค่าเข้า : ชาวไทยคิดเฉพาะค่ารถยนต์ คันละ 20 บาท ชาวต่างชาติคิดเป็นรายคน คนละ 20 บาท

42.เรือหลวงจักรีนฤเบศร

จะพลาดได้ไงกับการมาเที่ยวชม เรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือบรรทุกอากาศยานลำเดียวของประเทศไทย

ช่วงไม่ได้ออกปฏิบัติภารกิจจะจอดพักอยู่ที่ท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ใกล้หาดนางรำนางรอง ใครขึ้นไปแล้วจะต้องร้องโอ้โหในความใหญ่โตโอ่อ่า จินตนาการได้เลยว่าเวลาแล่นออกไปทำหน้าที่กลางทะเลจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน

การเข้าชมมีกฎระเบียบเคร่งครัดสักหน่อย รวมถึงสาวๆ ต้องแต่งตัวสุภาพ ห้ามเสื้อเปิดไหล่ เอวลอย คอกว้าง ห้ามกางเกงขาสั้นกระโปรงสั้น ส่วนรองเท้าแตะสวมได้ไม่มีปัญหา การถ่ายรูปทำได้ปกติในพื้นที่ที่กำหนด แต่ห้ามบันทึกวิดีโอ

ไม่มีค่าเข้าชม อนุญาตให้เข้าเฉพาะชาวไทยและต้องแสดงบัตรประชาชน

ที่ตั้ง: ภายในท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

เปิด-ปิดเวลา: ทุกวัน 9.00-17.00 . ยกเว้นกรณีเรือออกปฏิบัติภารกิจ

43.หาดเตยงาม

นึกถึงจุดชมพระอาทิตย์ตกสวยๆ ที่สัตหีบต้องตรงนี้เลย หาดเตยงาม อยู่ภายในหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ทางเข้าใกล้กับแยกสัตหีบ พอไปเที่ยวโซนแสมสารแล้วตอนเย็นจะกลับมาดูแสงเย็นที่นี่ก็ถือว่าไม่ไกลเท่าไหร่ หาดเตยงามเป็นส่วนหนึ่งของอ่าวนาวิกโยธิน

ช่วงน้ำลงจะเห็นหาดทรายกว้าง บรรยากาศร่มรื่น มีให้บริการครบทุกอย่างทั้งร้านอาหาร ร้านค้า ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ยิ่งถ้ามาตอนเย็น เราจะได้เห็นกิจกรรมของเหล่านาวิกโยธินเดินแถว ตั้งแถว เป่าแตร ชักธงชาติลง ด้วยนะ

อนุญาตให้เข้าเฉพาะชาวไทย ต้องแลกบัตรประชาชนก่อนเข้าพื้นที่

ที่ตั้ง: ภายในหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

44.หาดน้ำใส

ย้อนกลับไป 5-6 ปีก่อน หาดน้ำใสถือเป็นหาดเปิดใหม่มาแรงในโซนแสมสาร ผ่านมาถึงปัจจุบันคงต้องเรียกว่าเป็นหาดยอดฮิตแล้วล่ะ ด้วยลักษณะชายหาดสีขาวนวล ร่มรื่นด้วยแนวต้นไม้ น้ำทะเลใสสมชื่น แถมน้ำตื้นเหมาะกับการเล่นน้ำมาก และยังมีบ้านพักรับรอง

สำหรับใครอยากนอนชิลๆ ฟินๆ ฟังเสียงคลื่นอีกต่างหาก ที่นี่ยังมีบริการกิจกรรมดำน้ำตื้นดูปะการัง มีเรือคายัคให้เช่า มีเจ้าหน้าที่ทหารดูแลความปลอดภัยและความเป็นระเบียบอย่างดี เป็นหาดซึ่งมาเที่ยวแบบแฟมิลี่ทริปได้ฟินมาก

อนุญาตให้เข้าเฉพาะชาวไทยและต้องแสดงบัตรประชาชน

ค่าเข้าคนละ 15 บาท

ที่ตั้ง: ภายในหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ .แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

เปิด-ปิดเวลา: ทุกวัน 08.00-18.00 .

45.ทริปดำน้ำอ่าวแสมสาร

ไฮไลท์การเที่ยวทะเลสัตหีบในยุคนี้ก็ต้องนี่สินะ ทริปดำน้ำอ่าวแสมสาร (ที่ไม่ใช่เกาะแสมสาร) เป็นกิจกรรมมาแรง ซึ่งพวกเราจะได้แหวกว่ายเล่นน้ำกับฝูงปลา ดูปะการัง ท่ามกลางทะเลใสๆ ที่คนรักทะเลต้องฟินแน่นอน ปัจจุบันมีผู้ประกอบการมากกว่าสิบเจ้า มาตรฐานการบริการแทบไม่ต่างกันเลย

ทริปที่นี่เขาจะพาดำน้ำสามจุดตามเกาะต่างๆ บริเวณอ่าวแสมสาร (ที่ไม่ใช่เกาะแสมสาร) โดยไม่มีการขึ้นชายหาดนะเพราะเป็นพื้นที่หวงห้ามของทหารเรือ มีบริการพิเศษคือถ่ายรูปให้ฟรีทั้งบนเรือและใต้น้ำ ถ่ายภาพปุ๊บจบทริปก็จะส่งภาพให้เราทางไลน์ ดังนั้นรับประกันว่าได้ภาพสวยไปอวดเพื่อนโดยไม่ต้องพกกล้องมาเอง

เวลาเหมาะสมคือช่วงสายๆ กับช่วงบ่ายๆ ทริปทุกเจ้าใช้เวลาเท่ากันประมาณ 3 ชั่วโมง หากออกเรือเก้าโมงเช้าก็เสร็จเที่ยง หากออกรอบบ่ายสองก็เสร็จราวห้าโมงเย็น จะไปกับที่ไหนถูกใจเจ้าไหนก็เลือกติดต่อเอาตามใจชอบเลย

ที่นี่เปิดเที่ยวตั้งแต่ประมาณต้นเดือนสิงหาคมจนถึงปลายเดือนพฤษภาคม วันที่แน่นอนขึ้นอยู่กับประกาศของทางทหารเรือ

46.สวนนงนุช

สวนนงนุช เป็นที่เที่ยวสำคัญในโซนสัตหีบ-พัทยา มีกิจกรรมตลอดทั้งปี มีรีสอร์ตที่พักสะดวกสบาย มีห้องอาหาร ขณะที่สวนต้นไม้ สวนหิน สวนสร้างสรรค์ต่างๆ ยังคงร่มรื่นน่าชม สวนสัตว์ขนาดย่อมก็ดี สวนนกก็สุดยอด ใครอยากใกล้ชิดนกเงือกหลายสายพันธุ์มาที่นี่ไม่ผิดหวัง ล่าสุดสวนนงนุชเปิดตัวโซนใหม่คือสวนไดโนเสาร์ นำเอารูปปั้นไดโนเสาร์ขนาดเท่าของจริงมาจัดแสดงหลายร้อยตัว รวมถึงรูปปั้นไดโนเสาร์สูงที่สุดในโลก ถ่ายรูปเพลิดเพลินและสนุกมาก

ที่ตั้ง: ตำบลนาจอมเทียน เข้าจากถนนสุขุมวิทประมาณ 3 กิโลเมตร

เปิด-ปิดเวลา: ทุกวัน 08.00-18.00 . ค่าเข้าชมมีทั้งเฉพาะบัตรผ่านประตูและรวมกิจกรรมอื่นๆ

โทรศัพท์ : 0 3823 8061

47.พระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์

พลาดไม่ได้กับการกราบสักการะพระพุทธรูปแกะสลักบนหน้าผาหินความสูงกว่า 130 เมตร ที่เขาชีจรรย์ พระพุทธรูปดังกล่าวมีชื่อว่า พระพุทธมหาวชิร อุตตโมภาสศาสดา เป็นพระพุทธลักษณะพระพุทธฉายองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ใช้วิธีสร้างด้วยการยิงเลเซอร์แกะสลักลงไปในเนื้อหินให้เป็นร่องลึก 10 เซนติเมตร กว้าง 30 เซนติเมตร จากนั้นจึงฝังด้วยกระเบื้องโมเสกสีทองเต็มร่อง มาถึงสัตหีบแล้วใครพลาดมาชมความยิ่งใหญ่ของพระพุทธรูปที่นี่ บอกเลยว่าเสียดายแทน

ที่ตั้ง: . นาจอมเทียน เข้าจากถนนสุขุมวิทประมาณ 5 กิโลเมตร ใกล้ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค

เปิด-ปิดเวลา: ทุกวัน 06.00-18.00 . ไม่มีค่าเข้าชม

48.เกาะสีชัง

เกาะสีชัง เที่ยวเกาะประวัติศาสตร์ สัมผัสบรรยากาศชุมชนท้องถิ่น และชายหาดเงียบสงบที่อยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯ เก็บกระเป๋าแบกเป้มานอนเล่นซักคืนสองคืน พร้อมเช่ามอเตอร์ไซค์หรือสกายแล็ปซักคันไปตระเวนเที่ยวให้ทั่วเกาะ

ไม่ว่าจะแวะที่ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ แล้วขึ้นไป มณฑปรอยพระพุทธบาท กราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเกาะ พร้อมกับชมวิวมุมสูง แวะถ่ายรูปที่ พระจุฑาธุชราชฐาน ที่ประทับฤดูร้อนในรัชกาลที่ 5 แล้วเล่นน้ำที่ หาดถ้ำเขาพัง แล้วปิดท้ายยามเย็นที่ ช่องเขาขาด จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่งดงามเกินบรรยาย

ที่ตั้ง : .เกาะสีชัง จ.ชลบุรี

เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน

49.ตลาดโบราณบ้านชากแง้ว

ถนนคนเดิน หรือตลาดจีนชากแง้วมีทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลาบ่ายสาม-สามทุ่ม ซึ่งนักท่องเที่ยวจะเริ่มจาก ชากแง้วราม่า โรงหนังไม้ที่เลิกกิจการไปแล้ว แต่ยังคงสภาพอาคารไม้เก่าแก่ ห้องขายตั๋ว โปสเตอร์หนังเก่า และหุ่นไดคัทอินทรีย์แดง เวอร์ชั่นมิตร ชัยบัญชา ให้ถ่ายรูปด้วย

เมื่อเดินเข้าสู่ถนนคนเดิน สองข้างทางขนาบเราด้วยบ้านแถวไม้โบราณ 2 ชั้น ประตูบานเฟี๊ยมคลาสสิคสุดๆ ริมถนนหน้าบ้านเปิดเป็นร้านขายอาหารที่เป็นของคนชากแง้วเกือบทุกร้าน ทั้งก๋วยจั๊บ ข้าวหน้าเป็ด ขาหมู หมั่นโถว ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ฯลฯ และหากเดินตรงเข้าไปในตรอกก็จะออกสู่อีกถนนที่มองเห็นศาลเจ้าแม่ทับทิม ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวชุมชนเป็นอย่างมาก

ที่ตั้ง : บ้านซากแง้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 16.00-21.00 .

50.บ้านตะเคียนเตี้ย

ชุมชนท้องถิ่นที่แห่งนี้ยังรักษาวิถีชีวิตในแบบโบราณไว้อย่างเหนียวแน่น โดยศูนย์กลางกิจกรรมบ้านตะเคียนเตี้ยอยู่ที่ บ้าน 100 เสา ซึ่งเป็นเรือนไทยแฝดสร้างติดกัน 2 หลัง เนื่องจากคุณแม่เจ้าของบ้านมีพี่สาวฝาแฝดอีกท่านหนึ่ง ซึ่งตามความเชื่อโบราณฝาแฝดไม่ควรอยู่ห่างกัน บนบ้านจัดให้เป็นพิพิธภัณฑ์ย่อมๆ แสดงของสะสมโบราณของเจ้าของบ้าน

จุดเด่นของที่นี่อยู่ที่กิจกรรมทางวัฒนธรรมที่มีไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลงกลอนต้อนรับ และเตรียมกิจกรรมให้ทำหลายฐาน อาทิ การนวดกัวซา ซึ่งเป็นภูมิปัญญาแพทย์พื้นบ้าน โดยนำกระดูกหรือเขาสัตว์มาขูดตามผิวหนังเพื่อดูดพิษออกจากร่างกาย มีการสอนทำพวงมะโหตร ไว้ห้อยประดับประตูหน้าต่าง สอนทำลวดลายบนกระเป๋าผ้าจากดอกไม้ใบหญ้าต่างๆ รวมทั้งชวนชิมกาแฟมะพร้าวสูตรตะเคียนเตี้ย ที่นำหัวกะทิมาตีแทนฟองนม จนได้รสชาติที่ละมุนมากๆ รวมทั้งพาเดินชมสวนผักตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้วย

ที่ตั้ง : .ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

เวลาเปิด-ปิด : 08:00-17:00 . ทุกวัน

โทรศัพท์ : 098 412 1712

51.หาดบางแสน

ชายหาดบางแสน ถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมมาตั้งแต่ในอดีตแล้วของชลบุรี ด้วยที่ตั้งของชายหาดที่ใกล้กรุงเทพฯแถมยังมีความยาวของหาดถึง 6 กม.

แถมริมชายหาดก็เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก เรียงรายสร้างความคึกคักเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังถือเป็นหนึ่งในสถานที่ปิกนิกของครอบครัวที่สามารถมานั่ง นอน ทานอาหารทะเลไปพร้อม ๆ กับพักผ่อนชมวิวได้

ส่วนใครที่อยากจะลงเล่นน้ำ ที่นี่ก็สามารถเล่นได้ไม่อันตรายมากนัก แต่น้ำทะเลของที่นี่ก็ไม่ได้ใสมากเนื่องจากอยู่ใกล้ปากแม่น้ำบางประกงซึ่งมักจะมีตะกอนน้ำเข้ามาผสมน้ำทะเลอยู่เสมอ

ส่วนไฮไลท์ของการท่องเที่ยวของที่นี่ก็คือในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี หาดบางแสนที่ยาวไปจนถึงพัทยา จะเป็นหนึ่งในสถานที่เล่นน้ำสงกรานต์และประเพณีสงกรานต์ของท้องถิ่นที่เรียกว่าวันไหลซึ่งจะจัดหลังประเพณีสงกรานต์จากที่อื่น ๆ


ที่ตั้ง : .แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี

52.สะพานชลมารควิถี 84 พรรษา

สะพานชลมารควิถี 84 พรรษา สะพานสวยที่สามารถขับรถกินลมชมวิวทะเลได้แบบชิลล์ๆ

โดยตลอดเส้นทางสามารถชมวิวชายทะเลได้อย่างประทับใจเลยทีเดียว ตัวสะพานก่อสร้างให้เป็นรูปตัวอักษร S ระยะทางยาว 4 กม. โดยที่บริเวณ ต.บางปลายสร้อยและ ต.บางทราย จะมีการจัดตลาดนัดจำหน่ายอาหารทั้งแบบสด ๆ และสุก ๆ ให้อร่อยแบบจุใจกันเลย

ส่วนไฮไลท์สำคัญของที่นี่ก็คือในช่วงกลางคืนทีนี่จะเปิดไฟตลอดเส้นทางสามารถถ่ายรูปชมวิวสวยได้อย่างประทับใจเลยก็ว่าได้

ที่ตั้ง : .เมือง จ.ชลบุรี

53.ตลาดประมงท่าเรือพลี

ตลาดประมงท่าเรือพลี สถานที่ชม ชิม ช้อป อาหารซีฟู้ดสุดอร่อย ราคากันเอง ตัวตลาดตั้งอยู่บริเวณสะพานปลาซึ่งเป็นจุดสำคัญในการส่งต่ออาหารทะเลเลยก็ว่าได้ โดยตลาดแห่งนี้ตั้งขึ้นในรูปแบบตลาดนัด

ภายในประกอบไปด้วยร้านจำหน่ายอาหารทะเลเป็นส่วนใหญ่ซึ่งมีทั้งแบบปรุงสุกพร้อมทานและอาหารทะเลแบบสด ๆ ชั่งกิโลกรัมขาย ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ทางตรงให้แก่ชาวประมงในพื้นที่ได้

และที่สำคัญคือ การทำประมงของที่ตลาดแห่งนี้เป็นเรือขนาดเล็กใช้อุปกรณ์การจับปลาแบบท้องถิ่น สามารถจับได้ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่เปิดให้นักท่องเที่ยวและชาวบ้านทั่วไปได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในชุมชนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

ที่ตั้ง : .ท่าเรือพลี เทศบาลเมืองชลบุรี อ.เมือง จ.ชลบุรี

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวันเสาร์ เวลา 16.00 . เป็นต้นไป

54.ตลาดเก่า 100 ปี อ่างศิลา

ร่วมเดินทางย้อนอดีตไปชม ชิม ช้อป ของกินพื้นบ้านสุดอร่อยที่ ตลาดเก่า 100 ปี อ่างศิลา

ตลาดเก่าแก่ซึ่งมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานและเป็นแหล่งผลิตครกหินที่มีชื่อเสียงที่สุดในไทยภายในตลาดแบ่งให้เดินเที่ยวได้ 4 โซน

โซนแรกนั้นเป็นบริเวณ วัดอ่างศิลา อายุอานามกว่า 309 ปี จุดสำคัญที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดคือบริเวณโบสถ์ 2 หลัง ที่ถือเป็นจุดรวมงานศิลปะแบบท้องถิ่นเอาไว้กับภาพจิตรกรรมฝาผนังตั้งแต่สมัย ร.3 กับเทคนิคการตัดเส้นที่สวยและดีที่สุดในเมืองไทย ส่วนโซนที่ 2 คือบริเวณพระตำหนักมหาราช ที่เปิดให้เข้าชมพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติฯ และนิทรรศการภาพเก่า

มาถึงโซนที่ 3 บริเวณตลาดเก่าอ่างศิลา ซึ่งมีร้านค้าจำนวนมากวางสินค้าให้เลือกซื้อมากมาย แถมบริเวณใกล้ ๆ ยังมีศาลเจ้าปุนเฒ่ากง และศาลเจ้าปุนเฒ่าม่า ให้เดินทางไปกราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลได้อีกด้วย

และโซนสุดท้ายก็เป็นศูนย์การเรียนรู้ทางธรรมชาติ เส้นทางชมวังค้างคาว ชมฟาร์มหอยบนสะพานยาวกว่า 10 กม. เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแหล่งเรียนรู้ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเลยก็ว่าได้

ที่ตั้ง : อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี

เวลาเปิดปิด : เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 05.00-19.00 .

55.สวนเสือศรีราชา

สวนเสือศรีราชา จัดแฟมิลี่ทริปเอาใจคนทั้งบ้าน แนะนำให้พาไปเที่ยวสวนสัตว์ ซึ่งสวนเสือศรีราชาก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการทำความรู้จักและใกล้ชิดกับเจ้าแมวยักษ์ชนิดนี้ โดยที่นี่เป็นสถานที่เพาะเลี้ยงเสือเบงกอลไว้ถึงมากกว่า 200 ตัว ส่วนสัตว์ที่โดดเด่นอีกชนิดก็คือจระเข้นับพัน ที่เลี้ยงไว้ในระบบฟาร์ม

นอกจากนี้ยังมีส่วนของพิพิธภัณฑ์ช้าง และสวนสัตว์ที่มีสัตว์หาชมได้ยากทั้ง วัลบี จระเข้ งูหลาม ลิงอุรังอุตัง กวางดาว อูฐ ฯลฯ ส่วนกิจกรรมมีทั้งการแสดงโชว์ความสามารถของสัตว์ ทั้งช้าง เสือ จระเข้ หมู โชว์นางพญาแมงป่อง ไปจนถึงป้อนนมลูกเสือ, ถ่ายรูปกับเสือ, ป้อนนมปลาคาร์ฟ, เทศกาลแกะไข่จระเข้ และอีกมากมาย

ที่ตั้ง : .หนองขาม อ.ศรีราชา จ. ชลบุรี

เวลาเปิดปิด : 08:00-18:00 . ทุกวัน

โทรศัพท์ : 038 296 556-8

56.หาดพัทยา

สถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพราะนอกจากจะมีทะเลที่ขึ้นและชายหาดที่สวยงามแล้ว ที่นี่ยังเต็มไปด้วยกิจกรรมทางน้ำ เช่น บานาน่าโบ๊ท, วินเซิร์ฟ, เจ็ตสกี และกิจกรรมอื่นๆ ห้างสรรพค้า ที่พัก และร้านอาหารทะเลไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอีกเพียบ

และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวรอบๆ ชายหาดพัทยาอย่าง Ripley’s Believe it or not, วัดเขาพระบาท วัดพระใหญ่ เป็นต้น เรียกได้ว่าแค่มาเที่ยวพัทยาที่เดียวก็คุ้มสุดๆ สำหรับวันหยุดและวันพักผ่อนของคุณ

ที่ตั้ง : พัทยา จ.ชลบุรี

57.ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค

ไร่องุ่นท่ามกลางขุนเขาและสายลมที่แสนจะเย็นสบาย เป็นสถานที่ผลิตและจัดจำหน่ายองุ่นสด ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากองุ่นที่ใหญ่ที่สุดของ จ.ชลบุรี นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตของพัทยาด้วย

และยังมีกิจกรรมภายในไร่ที่น่าสนใจอย่าง การขับรถ ATV เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศในไร่ หรือกิจกรรมคอนเสิร์ตสนุกๆ จากศิลปินชื่อดังที่จัดขึ้นในทุกๆ เดือน เรียกได้ว่าไร่องุ่นแห่งนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขที่คุณจะต้องมาสัมผัสอย่างแท้จริง

ที่ตั้ง : 31/62 .7 นาจอมเทียน พัทยา จ.ชลบุรี

โทรศัพท์ : 02 261 6565, 08 9895 9886

58.เกาะล้าน

เกาะฮอตฮิตของวัยรุ่นชาวโซเชียลที่ต่างพากันมาเที่ยวเยอะที่สุด เพราะนอกจากจะเดินทางสะดวกแล้ว ที่เกาะล้านยังสวยไม่แพ้เกาะอีกเลย น้ำทะเลสีฟ้าใส หาดทรายสีขาวละเอียดที่ทอดยาว และกิจกรรมทางน้ำที่น่าสนใจอีกมากมาย ถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้หลายคนหลงใหลเกาะล้านและแชร์ความสวยงามกันอย่างสม่ำเสมอ

ที่ตั้ง : เกาะล้าน จ.ชลบุรี

59.หาดแม่รำพึง

หาดแม่รำพึง มีทุกอย่างให้คลายเหงาบนชายหาดยาวกว่า 12 กิโลเมตรแห่งนี้ ทั้งร้านอาหารเสิร์ฟเมนูสดจากทะเล เก้าอี้ชายหาดให้นอนเล่น จะมาเล่นน้ำทะเลให้ชุ่มฉ่ำ หรือเดินเล่นชมวิวพระอาทิตย์ลับฟ้าก็ย่อมได้ส่วนใครอยากพักค้างคืนก็มีที่พักหลายระดับราคาให้เลือก เรียกว่าเป็นชายหาดยอดนิยมที่มาเที่ยวง่ายแสนง่าย เที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะปลายปี-กลางปี แถมไม่ไกลจากตัวเมืองระยองด้วย

ที่ตั้ง : .ตะพง อ.เมืองระยอง จ.ระยอง

60.แหลมแม่พิมพ์

แหลมแม่พิมพ์ เหมาะกับคนที่ชอบชายหาดไม่พลุกพล่าน แต่ไม่ถึงกับขาดความสะดวก เพราะมีทั้งรีสอร์ท และร้านอาหารทะเลสดๆ ให้เลือก ส่วนหน้าหาด นอกจากชายหาดยาวกว่า 4 กิโลเมตร ทรายขาวๆ และน้ำทะเลน่าโดดเล่น ยังมีเครื่องเล่นให้เช่าไม่ว่าจะเป็นห่วงยาง เจ็ทสกี บานาน่าโบ๊ท รวมทั้งศาลานั่งชมวิวเป็นระยะ ท่ามกลางความร่มรื่นของทิวสนและต้นหูกวาง ส่วนช่วงต้นหาดบริเวณติดต่อกับหาดวังแก้ว ยังเหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศเงียบสงบอีกด้วย

ที่ตั้ง : .เพ-แกลง-กร่ำ ต.กร่ำ อ.แกลง จ.ระยอง

61.หมู่เกาะมัน

created by dji camera

เกาะมันใน เกาะมันกลาง และเกาะทะลุ มาระยองต้องออกทะเล มีแค่วันเดียวก็เที่ยวดำน้ำ 3 เกาะได้แบบคุ้มๆ เพียงจองแพ็คเกจวันเดียวเที่ยว 3 เกาะ ซึ่งมีผู้ให้บริการโซนนี้อยู่หลายเจ้า

นั่งเรือออกจากท่าเรืออ่าวมะขามป้อมแต่เช้า แวะจุดแรกที่เกาะมันใน ชมโครงการอนุรักษ์เต่าทะเล ทั้งบ่ออนุบาลและพิพิธภัณฑ์ จากนั้นโดดลงน้ำที่เกาะมันกลาง ดำน้ำตื้นชมปะการัง กินข้าวบนเรือ ตามด้วยเกาะทะลุ ที่มีทั้งช่องเขาทะลุ พร้อมแนวปะการังและฝูงปลาหลากชนิด ให้ชมปิดท้ายก่อนกลับฝั่งช่วงบ่ายๆ

ที่ตั้ง : .แกลง จ.ระยอง

62.สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำระยอง

สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำระยอง อควาเรียมขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกลจากหาดบ้านเพ เป็นแหล่งเรียนรู้และจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำให้เข้าชมได้อย่างใกล้ชิด แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนจัดแสดงพันธุ์สัตว์ทะเลมีชีวิต ส่วนจัดแสดงนิทรรศการด้านการประมง และพิพิธภัณฑ์เปลือกหอย

ภายในมีทั้งตู้แสดงปลาทะเลต่างๆ บ่อแสดงพันธุ์ปลาผิวน้ำ บ่อกลางแจ้งแสดงระบบนิเวศน์ใต้ทะเล บ่อเต่าทะเล และไฮไลท์ก็คืออุโมงค์กระจกยาว 10 เมตร ที่สามารถชมสัตว์ทะเลว่ายไปมารอบตัวได้อย่างใกล้ชิด เช่น ปลากะเบนนก ปลากะรัง ปลาโมงตาโต ปลาหูช้าง ปลานกแก้วสีเพลิง และอีกมากมาย

ที่ตั้ง : .เพ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง

เวลาเปิด-ปิด : พุธ-ศุกร์ 10:00-16:00 . เสาร์-อาทิตย์ 10:00-17:00 . ปิดวันจันทร์และอังคาร

โทรศัพท์ : 038 653 741, 038 653 672

63.พิพิธภัณฑ์บ้านครูกัง

พิพิธภัณฑ์บ้านครูกัง ริเริ่มโดย ครูกัง ซึ่งเป็นนักสะสมของโบราณมานานกว่า 40 ปี ภายในแบ่งส่วนจัดแสดงเป็นห้องร้านค้าสไตล์ย้อนยุคตามประเภทของสะสม ไม่ว่าจะเป็น ร้านเสริมสวย ร้านถ่ายรูป ร้านตัดเสื้อ ร้านกาแฟโบราณ โชว์ห่วย ไปจนถึงห้องนอน ห้องกินข้าว ห้องเรียน ฯลฯ

ส่วนชั้นสองจัดแสดงของเก่าอื่นๆ อย่างนาฬิกาโบราณ ธนบัตร ล็อตเตอรี่ แสตมป์ อุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ โดยทุกห้องสามารถเดินเข้าไปชมและถ่ายรูปได้หมด ส่วนด้านนอกจัดแสดงรถโบราณ รวมทั้งมีคาเฟ่เล็กๆให้นั่งด้วย

ที่ตั้ง : .กร่ำ อ.แกลง จ.ระยอง

เวลาเปิด-ปิด : 09:00-16:00 . เปิดทุกวัน

โทรศัพท์ : 087 129 9405

64.ศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ

ศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ เกิดขึ้นตามพระราชดำริของรัชกาลที่ 9 ให้เป็นศูนย์เรียนรู้เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ทั้งในด้านเกษตรกรรม ปศุสัตว์ ประมง และศิลปาชีพพิเศษให้กับประชาชนในพื้นที่ ปัจจุบันเปิดให้ผู้ที่สนใจได้เข้าชมศึกษาดูงาน มีทั้งการปลูกพืชปลอดสารพิษ การปลูกปาล์มน้ำมัน การปลูกมันสำปะหลัง การปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์ การปลูกส้มจี๊ด การผลิตเมล็ดข้าวพันธุ์ดี ฟาร์มเลี้ยงโค-กระบือ แพะแบบธรรมชาติ ฟาร์มเพาะพันธุ์กุ้งก้ามกราม ปลาสวยงาม เป็นต้น

ที่ตั้ง : .แม่น้ำคู้ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง

เวลาเปิด-ปิด : 08:00-18:00 . เปิดทุกวัน

โทรศัพท์ : 038 010 800, 038 694 000

65.ทุ่งโปรงทอง

ทุ่งโปรงทอง ป่าชายเลนพื้นที่กว่า 6,000 ไร่ ที่ชุมชนปากน้ำประแส บนเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่งดงามไม่เหมือนใคร เพียงเดินเข้ามาตามทางเดินผ่านความร่มรื่นไม่กี่ร้อยเมตร ก็จะพบกับทุ่งของต้นโปรงที่ขึ้นอย่างหนาแน่นและแผ่บริเวณออกไปไกล

ยิ่งช่วงเวลาที่แดดจัดส่องสะท้อนใบสีเขียวอ่อนเหล่านี้ ทุ่งโปรงก็จะกลายเป็นสีเหลืองทองอร่ามขึ้นกล้อง กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิต ส่วนใครที่อยากเดินชมธรรมชาติต่อ เส้นทางนี้ยังมีทางเดินไปทะลุออกถึงเรือรบหลวงประแสได้ด้วย

ที่ตั้ง : .ปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง

เวลาเปิด-ปิด : 06:00-18:00 . เปิดทุกวัน

โทรศัพท์ : 038 661 720-1

66.ชุมชนปากน้ำประแส

ชุมชนปากน้ำประแส เที่ยวชุมชนนี้ก็เหมือนมาเยี่ยมบ้านญาติ ที่นี่มีทั้งแหล่งท่องเที่ยวรอบๆ ชุมชน พร้อมด้วยโฮมสเตย์ติดริมน้ำให้พักค้างคืนกันชิลๆ สามารถแวะเที่ยวได้ทั้ง ทุ่งโปรงทอง เรือรบหลวงประแส จุดชมวิวแหลมสน สะพานประแสสิน ศาลกรมหลวงชุมพร

เดินเล่นชมบ้านเรือนและร้านค้าเก่าแก่ในชุมชน แวะกินอาหารอร่อยกับร้านชาวบ้าน เช็คอินโฮมสเตย์ซักแห่ง ตื่นมานั่งเล่นชมวิวริมน้ำประแส มองเรือหาปลาค่อยๆ แล่นออกทะเล ก่อนกลับแวะซื้ออาหารทะเลทั้งสดและแห้งไปทำกินต่อที่บ้าน

ที่ตั้ง : .ปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง

67.จุดชมวิวเขาแหลมหญ้า

จุดชมวิวเขาแหลมหญ้า เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ที่หลายคนอาจจะเลือกนั่งเรือออกไปเที่ยวเกาะเสม็ด แต่ถ้าอยากเที่ยวบนฝั่งชิลๆ เขาแหลมหญ้าก็เป็นอีกจุดที่มีมุมถ่ายรูปสวยๆเยอะโดยเฉพาะในยามเย็น อย่างสะพานไม้ที่ทอดไปในทะเล

และถนนข้างๆกันที่มีศาลาไลฟ์การ์ดสีขาวทรงมินิมอลโดดเด่นอยู่ปลายทาง นอกจากนี้ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติยาว 1.4 กิโลเมตร เป็นเส้นทางเลียบริมทะเลแล้ววนขึ้นเขาเป็นวงกลม จุดนี้ก็ถ่ายรูปสวยเช่นกัน

ที่ตั้ง : .เพ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง

เวลาเปิด-ปิด : 08:00-18:00 . เปิดทุกวัน

โทรศัพท์ : 038 653 034

68.สวนพฤกษศาสตร์ระยอง

มาเที่ยวธรรมชาติให้สดชื่นในพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งภาคตะวันออกที่กว้างกว่า 3,800 ไร่ ซึ่งภายในมีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย เช่น ปั่นจักยาน พายเรือคายัค ล่องเรือในหนองจำรุง ชมธรรมชาติพื้นที่ชุ่มน้ำ ทั้งกระจูด แพหญ้าหนังหมา พร้อมกับนกน้ำมากมายหลายชนิด เดินศึกษาธรรมชาติบนเส้นทางเกาะกลางบึง ชมป่าเสม็ดพันปี ซึ่งเป็นสังคมเสม็ดขาวผืนสุดท้ายของภาคตะวันออก โดยทุกกิจกรรมจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้ความรู้เกี่ยวกับพรรณไม้ตลอดเส้นทาง

ที่ตั้ง : .ชากพง อ.แกลง จ.ระยอง

เวลาเปิด-ปิด : 08:30-16:00 . เปิดทุกวัน

โทรศัพท์ : 038 638 880-1, 038 638 981

69.ตลาดบ้านเพ

ตลาดบ้านเพ คงเป็นชื่อแรกๆ ที่หลายคนนึกถึงเมื่อมาเช็คอินที่จ.ระยอง และอยากแวะซื้อของฝากก่อนกลับ หรือซื้อของกินตุนเป็นเสบียงก่อนไปเที่ยวตามชายหาดและเกาะแก่งต่างๆ ที่นี่จึงเต็มไปด้วยแผงขายอาหารทะเลสด แห้ง แปรรูป เรียงรายละลานตาไปหมด ไม่ว่าจะกุ้ง หมึก หอย ปู ปลา ส่วนใหญ่ราคาใกล้เคียงกันและสดใหม่จากทะเล นอกจากนี้ยังมีบรรดาขนมและของที่ระลึกให้เลือกอีกเพียบ มีทั้งโซนตลาดริมทาง และโซนตลาดในอาคารหรือที่เรียกว่า ตลาดร้อยเสา ให้เลือกเดิน

ที่ตั้ง : .เพ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง

เวลาเปิด-ปิด : 09:00-17:00 . เปิดทุกวัน

โทรศัพท์ : 038 653 751-4

70.ถนนคนเดินยมจินดา

ย่านชุมชนเก่าแก่ที่ยังคงมีการอนุรักษ์วัฒนธรรมไว้อย่างเหนี่ยวแน่น แห่งเมืองระยองคือถนนยมจินดาเส้นทางสายหลักที่เจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่ในอดีตซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญ คึกคักไปด้วยผู้คน

ปัจจุบันก็ได้มีการปรับปรุงอนุรักษ์บ้านเรือน และวิถีชีวิตบอกผ่านเรื่องราวในอดีตจนกลายเป็นถนนสายวัฒนธรรมที่ไม่ควรพลาดเมืองเดินทางมาเยือนเมืองระยอง

ไฮไลท์ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้แก่ นั่งจิบกาแฟกับบรรยากาศเก่า ๆ, ชิมเมนูอาหารคาว-หวานหาทานยาก, ชมร้านค้าเก่าแก่ริมถนนยมจินดา, ชมตึกกี่พง,ตึกเถ้าแก่เทียนในสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานแบบชิโน-โปรตุกีส ได้อย่างลงตัว พร้อมเรียนรู้ผ่านพิพิธภัณฑ์เมืองระยองกับเรื่องราวของคนระยองได้อีกด้วย

ที่ตั้ง : .ยมจินดา ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จ.ระยอง

71.เกาะเสม็ด

ไปเสม็ดเสร็จทุกราย หลายคนต้องได้เคยได้ยินประโยคเด็ดประจพเกาะสวรรค์แห่งนี้อย่างแน่นอน เพราะที่นี่ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตแถมยังเป็นขวัญใจทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ด้วยบรรยากาศทะเลสวย น้ำใส ที่พัก ที่กิน ที่เที่ยวแบบครบครัน ได้บรรยากาศเกาะสวรรค์สุด ๆ

แถมที่พักมีให้เลือกเยอะแยะมากมายเลือกได้ทั้งติดชายหาดชมทะเลฟังเสยงคลื่นหรือติดเชิงเขาชมวิวสวย นอกจากนี้ยังเดินทางสะดวกด้วยเรือโดยสารใช้เวลาเพียง 30 นาที และสปีดโบ๊ทได้ทุกวัน

และเมื่อเดินทางขึ้นไปบนเกาะนักท่องเที่ยวก็สามารถเลือกเที่ยวได้หลากรูปแบบทั้งเช่ามอเตอร์ไซค์ หรือถ้าใครไปเที่ยวแบบกลุ่มใหญ่ก็สามารถเช่ารถยนต์ได้ ส่วนชายหายยอดฮิตที่ห้ามพลาดได้แก่ หาดทายแก้ว, อ่าวน้อยหน่า, อ่าววงเดือน, อ่าวพร้าว, อ่าวช่อ, อ่าวปะการัง, อ่าวกิ่ว, อ่าวหวาย, อ่าวไผ่, อ่าวลุงดำ, อ่าวนวล, อ่าวลูกโยน, อ่าวแสงเทียน และอ่าวทับทิม

แต่ละหาดมีความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมดำน้ำดูปะการัง, ตกหมึก, ตกปลา หรือจะเดินเล่นชิล ๆ ริมชายหาด นั่งห่วงยาง ขี่บานาน่าโบ๊ทก็ได้

ที่ตั้ง : 79 .1 .ก้นอ่าว ถ.หาดแม่รำพึง-เพ ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง

โทรศัพท์ : 038 653 034

72.อนุสาวรีย์สุนทรภู่

อนุสาวรีย์แห่งกวีเอกผู้เป็นตำนานของเมืองไทย ที่นี่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงสุนทรภู่ กวีในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ผู้สร้างสรรค์บทประพันธ์อันทรงคุณค่ามากมาย และกล่าวกันว่าเระยองนั้นคือบ้านเกิดของบิดาของศิลปินเอกสุนทรภู่นั่นเอง

สำหรับอนุสาวรีย์แห่งนี้เปิดเมื่อวันที่ 25 .. 2513 บริเวณโดยรอบน่าสนใจด้วยการจัดแสดงรูปปั้นของตัวละครเอกจากวรรณคดีชื่อก้องเรื่องพระอภัยมณี และในวันที่ 26 มิ.. ของทุกปี จะมีการจัดงานรำลึกสุนทรภู่ เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีทางด้านวรรณกรรมของท่านที่ได้สร้างไว้ ให้แก่แผ่นดินไทย

ที่ตั้ง : 153/4 .สุขุมวิท ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง

73.อนุสรณ์เรือรบประแส

เรือหลวงประแส ตั้งอยู่บริเวณชายหาดประแสร์ หมู่ที่ 1 .ปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง บริเวณหัวโขด เป็นเรือรบหลวงเก่าที่ปลดประจำการจากสงครามเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ที่เป็นอนุสรณ์สถานที่มีประวัติศาตร์สำคัญควรค่าแก่การรำลึกถึงราชนาวีไทย

โดยกองทัพเรือได้ปลดระวางประจำการเรือหลวงประแส ในวันที่ 22 มิถุนายน 2543 โดยทำการเคลื่อนย้ายตัวเรือทั้งลำ มาตั้งเป็นอนุสรณ์เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2546

ปัจจุบันเรือหลวงประแสได้กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของชาวชุมชนปากน้ำประแส หากใครมาท่องเที่ยวที่ชุมชนปากน้ำประแส สามารถแวะมาเยี่ยมชมความยิ่งใหญ่ของราชนาวีไทย อนุสรณ์เรือหลวงประแส อีกทั้งบริเวณรอบตัวเรือยังมีการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ ให้สวยงามจนหลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดระยอง

ที่ตั้ง : .ปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง

74.หาดเจ้าหลาว

หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของเมืองจันทบุรี ที่ช่วยเติมเต็มการพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ที่นี่ไม่ใช่แค่ที่เที่ยวเท่านั้น เพราะมีที่พักและร้านอาหารให้เลือกได้ตามความสะดวกและความพึงพอใจมากมายเต็มริมชายหาด ซึ่งเมนูอาหารทะเลที่ขึ้นชื่อสุด ๆ คือ ปูดำ หมึก กุ้ง ปลาและหอย

สำหรับความน่าสนใจของชายหาดแห่งนี้คือ ตัวเม็ดทรายบนชายหาดที่เป็นสีแดง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์พิเศษของชายหาดเมืองจันท์ เข้ากับบรรยากาศของทิวต้นมะพร้าว และความเงียบสงบของชายหาด

ส่วนใครที่ต้องการเล่นกิจกรรมทางน้ำแบบสนุก ที่ริมหาดก็มี บานาน่าโบ๊ท ห่วงยางให้เช่า ตอบโจทย์การเที่ยวแบบครอบครัวได้เป็นอย่างดี

ที่ตั้ง : .เฉลิมบูรพาชลทิต ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่

75.หาดแหลมสิงห์

นอนชิลเย็น ๆ ฟังเสียงคลื่นในช่วงวันหยุดได้เป็นอย่างดี เป็นหาดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติเป็นจำนวนมาก ตัวชายหาดตั้งอยู่ใกล้ปากแม่น้ำแหลมสิงห์ตรงบริเวณที่แม่น้ำจันทบุรี มีความยาว 1.5 กม. แบ่งเป็นชายหาดสาธารณะ 600 .

นอกเหนือจากการเล่นทราย นั่ง-นอนชิล และอาบแดดแล้ว กิจกรรมทางน้ำก็ถือเป็นอีกหนึ่งที่น่าสนใจและน่าทำที่หาดนี้เช่นกัน

อีกหนึ่งความสำคัญของตัวชายหาดแห่งนี้ ริมชายหาดที่มีทิวสนให้ร่มเงาตลอดเวลา แถมบริเวณโดยรอบยังเต็มไปด้วยร้านอำนวยความสะดวกมากมายทั้ง ห้องน้ำ-ห้องอาน้ำ ร้านกาแฟและร้านอาหารที่เน้นเสิร์ฟเมนูอาหารทะเลสด ๆ เป็นหลัก อีกด้านตรงถนนหน้าหาด มีการตกแต่งให้เป็นจุดชมวิวแหลมสิงห์และสวนสาธารณะที่สวยงามกลายเป็นแลนด์มาร์กน่าเที่ยวอีกหนึ่งที่

นอกจากนี้ที่พักบนหาดแหลมสิงห์ ก็มีให้เลือกหลากหลาย ไปเที่ยวต่อได้หลายที่ทั้ง เขาแหลมสิงห์, คุกขี้ไก่, ตึกแดง และโอเอซิส ซี เวิลด์ เป็นต้น

ที่ตั้ง : .ปากน้ำแหลมสิงห์ อ.แหลมสิงห์

76.ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

อีกหนึ่งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานพระราชดำริไว้ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.. 2524 โดยที่ตั้งของโครงการตั้งอยู่บริเวณอ่าวคุ้งกระเบน ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี

มีพื้นที่ครอบคลุมชายฝั่งทะเลบริเวณอ่าว คุ้งกระเบนกว่า 4,000 ไร่ เพื่อทำการศึกษา วิจัย ทดลอง เพาะพันธุ์สัตว์น้ำชายฝั่งทะเล อนุรักษ์พันธุ์ไม้ของป่าชายเลน พร้อมทั้งสร้างที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลภายในพื้นที่

และส่งเสริมให้ชาวบ้านในพื้นที่มีความรู้ในการประกอบอาชีพอย่างยั่งยืน และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ตามหลักการดำเนินชีวิตแบบพอเพียง

สำหรับผู้ที่อยากพักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติ พร้อมเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวประมง สามารถเดินทางมาชมพิพิธภัณฑ์ทางธรรมชาติกับไฮไลท์หลักคือ เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเป็นสะพานไม้ ระยะทาง 1.6 กิโลเมตรทอดตัวยาวเข้าไปยังป่าชายเลน

ภายในมีจุดให้ความรู้เกี่ยวกับป่า พันธุ์ไม้ การอนุรักษ์สัตว์อย่างละเอียด พร้อม ปิดท้ายด้วยหอดูเรือนยอดไม้ ความสูง 15 เมตร เพื่อชมวิวสวยของโครงการในมุมสูง

เวลาเปิดปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.30-16.30 .

โทรศัพท์ : 0 3938 8116-8

77.จุดชมวิวเนินนางพญา

จุดชมวิวเนินนางพญา เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของ ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ซึ่งเป็น 1 ใน 10 สถานที่ท่องเที่ยวของ Dream destinations ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่บริเวณชายหาดคุ้งวิมานตอนใต้ ไปจนถึงเนินเขาเล็ก ๆ

โดยบนจุดชมวิวเนินนางพญา มีการปรับภูมิทัศน์ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ได้ชมทัศนียภาพริมฝั่งที่เป็นเนินสูง ๆ ต่ำ ๆ ของเนินเขาริมชายฝั่ง และมีบริการลานจอดรถ ด้านหนึ่งสามารถมองเห็นแหลมส่วนที่เป็นปลายด้านหนึ่งของอ่าวคุ้งกระเบนได้

และเมื่อมองลงมายังเบื้องล่างอีกด้านจะมองเห็นถนนเลียบชายหาดที่โค้งเป็นรูปตัวเอสตามไหล่เขา ถือเป็นช่วงถนนที่สวยที่สุดสายหนึ่งในไทยเลยก็ว่าได้

นอกจากนี้ที่นี่ยังมีเลนพิเศษสำหรับจักรยาน บริเวณไหล่ทางของถนนทั้งสองฝั่ง ที่ทาสีแดง พร้อมมีสัญลักษณ์เลนจักรยานไว้ให้เห็นอย่างเด่นชัดเอาใจนักปั่นอีกด้วย

ที่ตั้ง : ถนนสายเฉลิมบูรพาชลทิต ตำบลสนามไชย อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี

78.น้ำตกกระทิง

น้ำตกกระทิง หลายคนรู้จักเขาคิชฌกูฎจากรอยพระพุทธบาท แต่อาจจะยังไม่รู้ว่าบริเวณนี้คือพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎ ซึ่งมี น้ำตกกระทิง หนึ่งในต้นน้ำลำธารสำคัญแห่งหนึ่งของ จ.จันทบุรี

น้ำตกกระทิงมีความสูงทั้งหมด 13 ชั้น เมื่อมาถึงน้ำตกจะได้ยินเสียงน้ำไหลดังก้องอยู่ไม่ไกล ซึ่งนั่นคือเสียงจากน้ำตกชั้นที่ 1-3 โดยบริเวณชั้นที่ 3 จะมีสะพานพาดผ่านน้ำตกให้เดินเข้าไปชมใกล้ๆ แถมเป็นมุมถ่ายรูุปด้วย บริเวณนี้มีแอ่งน้ำที่สามารถลงไปเล่นน้ำได้

และถ้ามาช่วงน้ำใสจะเห็นปลาพลวงกำลังแหวกว่ายอยู่หลายตัว ใครที่อยากมาแค่ชมน้ำตกสามารถนั่งชิลๆ ตามโต๊ะเก้าอี้ที่ทางอุทยานจัดให้ได้ นอกจากนี้ ไม่ไกลยังมีอ่างเก็บน้ำ ที่สามารถเช่าเรือถีบหรือพายเรือเล่นได้ รวมทั้งมีบริเวณกางเต๊นท์ และบ้านพักให้บริการด้วย

แต่ถ้าเพิ่มความท้าทายก็มีทางเดินขึ้นไปในป่า ลัดเลาะเลียบน้ำตกไปเรื่อยๆ ซึ่งมีจุดชมวิวอยู่ระหว่างชั้น 5-8 แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพธรรมชาติ เพราะบางทีฝนตกหนัก ต้นไม้ล้มปิดทาง หรือเติบโตขึ้นมาบดบังวิวก็อาจจะได้เห็นผ่านช่องเล็กๆ แทน

แต่ตลอดเส้นทางขึ้นน้ำตกกระทิงก็เต็มไปด้วยพรรณไม้ร่มรื่นตลอดสองข้างทาง มีไม้ทั้งยืนต้น มอส ไผ่ หรือกระทั่งเห็ดขึ้นตามขอนไม้ให้คอยสังเกตเพลินๆ ส่วนชั้นที่มองเห็นน้ำตกไหลลงมาจากผาสูงอย่างสวยงามอยู่ที่ชั้น 8-9 โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนน้ำจะเยอะและฟุ้งการจายอย่างอลังการ มีแอ่งน้ำที่ไม่ลึกมาก เหมาะให้กระโจนลงไปเล่นน้ำให้หายเหนื่อย เส้นทางนี้เดินไปกลับใช้เวลาประมาณ 3 ชัวโมง แบบไม่รวมเวลาเล่นน้ำ

ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติเขาคิชกูฎ ต.พลวง อ.เขาคิชกูฏ จ.จันทบุรี

เวลาเปิด-ปิด : 08:00-17:30 . ทุกวัน

โทรศัพท์ : 039 452 074

79.น้ำตกเขาสอยดาว

น้ำตกเขาสอยดาว เป็นน้ำตกที่คนรักการผจญภัยเดินป่าจะต้องหลงรัก

แต่ก่อนจะมาเดินขึ้นก็ต้องฟิตร่างกาย และเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมกันซักหน่อย เพราะหนทางมีทั้งเดินตามเทรลธรรมชาติไปจนถึงปีนป่ายลัดเลาะตามหน้าผา ยิ่งมาช่วงฝนก็จะได้ตื่นเต้นกับทากตัวน้อยที่อาจคืบคลานเข้าร่มผ้าแบบไม่รู้ตัว

เพราะฉะนั้นถุงและสเปรย์กันทาก รวมทั้งถุงกันน้ำใส่ของและเสื้อกันฝน จึงต้องมีพร้อมก่อนออกเดินทาง โดยช่วงเวลาที่เหมาะคือ มาขึ้นตอนเช้า เดินออกจากป่าก่อน 15:30 . และพึงระลึกไว้เสมอว่าเจ้าถิ่นที่นี่คือช้างป่า เพราะฉะนั้นการเดินขึ้นน้ำตกเขาสอยดาวจะต้องมีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เป็นผู้นำทาง

น้ำตกเขาสอยดาวมีทั้งหมด 16 ชั้น แต่เปิดให้ชมได้ถึงชั้นที่ 9 อยู่ในความดูแลของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว เป็นน้ำตกที่อยู่ในเขตป่าลึกจึงยังมีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติอยู่มาก โดยตลอดระยะทางเดินป่ากว่า 2 กิโลเมตร จะมีจุดที่น่าสนใจให้ชมและผจญภัยไปตลอดเส้นทาง จุดแรกคือต้นตะเคียนทองอายุนับร้อยปีที่มีคนศรัทธานำชุดไทยมาถวาย เดินต่อไปจะเจอกับต้นพระเจ้าห้าพระองค์ขนาดหลายคนโอบ จุดต่อไปที่ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร จะเจอน้ำตกชั้น 5 หรือผางาช้าง อยู่ท่ามกลางต้นไม้ที่ขึ้นหนาแน่น

จากนั้นอีก 100 เมตร จะเจอกับน้ำตกชั้น 6 หรือผานางลื่น ซึ่งมีลักษณะเป็นโขดหินขนาดใหญ่และกว้าง ทำให้สายน้ำแผ่ไหลลงมาเป็นม่านอย่างสวยงาม จากนั้นเส้นทางจะสมบุกสมบันมากขึ้น จากที่ต้องเดินป่า ข้ามลำธาร และท่อนซุง จะเพิ่มการปีนป่ายไปตามเส้นทางดินโคลนและหินที่ลื่น บางช่วงเลียบผาสูง จึงต้องใช้ความระมัดระวัง และเชื่อฟังเจ้าหน้าที่ เพราะยิ่งอยู่ในป่าลึกก็ยิ่งใกล้กับช้างป่า แต่เมื่อมาถึงชั้นที่ 9 หรือวังพญางิ้วดำ และได้เห็นสายน้ำที่หล่นลงมาตามหน้าผาสูง จนฟุ้งกระจายชุ่มฉ่ำไปทั่ว ก็ต้องเรียกว่าหายเหนื่อยเป็นปลิดทั้ง แถมยังมีแอ่งน้ำให้ลงไปเล่นได้ด้วย

ส่วนขาลงอาจจะใช้เวลาน้อยกว่าขาขึ้น รวมไป-กลับแล้วประมาณ 3-5 ชั่วโมง เมื่อออกมาจากน้ำตกก็สามารถแวะล้างตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ที่ห้องน้ำตรงทางออกน้ำตก ก่อนกลับอย่าลืมแวะเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติ และสัตว์เฉพาะถิ่นอย่างเจ้ากบอกหนาม ส่วนใครอยากอยู่ต่อสามารถจองที่พักของเขตฯ ได้ล่วงหน้า

ที่ตั้ง : เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว อ.เขาสอยดาว จ.จันทบุรี

เวลาเปิด-ปิด : 08:00-16:30 . ทุกวัน

โทรศัพท์ : 081 384 5164

80.อ่างเก็บน้ำห้วยตาโบ

อ่างเก็บน้ำห้วยตาโบ หรือที่บางคนเปรียบเป็นปางอุ๋งแห่งจันทบุรีตั้งอยู่ในเขตหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วที่ 2

ท่ามกลางความงดงามของทะเลสาบที่ล้อมรอบด้วยขุนเขาและป่าไม้อุดมสมบูรณ์ เรียกว่ามองไปก็คล้ายคลึงกับวิวของปางอุ๋ง จ.แม่ฮ่องสอน ไม่น้อย มีทั้งจุดให้ชมวิว ถ่ายรูปกับอ่างเก็บน้ำและขุนเขาได้อย่างเต็มๆ ตา และนอกจากจะมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เข้าไปเดินชมป่าแล้ว

ใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศแบบเต็มอิ่มก็สามารถกางเต๊นท์ที่บริเวณริมอ่างเก็บน้ำได้ กลางคืนนอนมองดาวเต็มฟ้า ยามเช้าบางวันตื่นมาอาจได้พบกับสายหมอกลอยเรี่ยผืนน้ำและคลุมผืนป่า สวยงามจนนึกว่าอยู่ปางอุ๋งจริงๆ เข้าไปอีก

ที่ตั้ง : .มะขาม อ.มะขาม จ.จันทบุรี

เวลาเปิด-ปิด : 06:00-18:00 . เปิดทุกวัน

โทรศัพท์ : 039 434 528

81.จุดชมวิวผาสุขนิรันดร์

จุดชมวิวผาสุขนิรันดร์ และซันชายน์ ไฮไลท์หนึ่งของเกาะเปริดก็คือการได้แวะมาชมวิวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่จุดชมวิวทั้ง 2 แห่งนี้ โดยสามารถจอดรถได้ที่วัดเกาะเปริด

ตรงลานหลักกิโลเมตรจะมีร้านค้าชาวบ้านให้แวะอุดหนุนทั้งขนม น้ำดื่ม ผลไม้ กะปิ น้ำปลา ที่เป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น รวมไปถึงมีลูกวัวและม้าให้เราให้อาหารด้วย จากตรงนี้จะมีทางเดินขึ้นสู่จุดชมวิวไม่ไกล

เมื่อขึ้นมาถึงจะได้เจอกับวิวท้องทะเลกว้างจากหน้าผาของจุดชมวิวซันชายน์ ส่วนใกล้ๆ กันเป็นคาเฟ่ Sky View Cafe ซึ่งก็สามารถเลือกมานั่งพักสั่งเครื่องดื่ม แล้วชิลไปกับวิวทะเลได้เหมือนกัน

อีกมุมมหาชนก็ต้องบันไดทางลงหน้าผาด้านหลังคาเฟ่นี้ เป็นวิวที่สวยแปลกตาและบางคนก็บอกว่าคล้ายวิวที่บาหลี หรือชายฝั่งยุโรป ซึ่งอันนี้ก็ต้องแล้วมุมมองแต่ละคน ส่วนคนที่อยากได้มุมไกลที่มองเห็นทั้งร้านกาแฟและบันไดนี้ด้วย

ก็เพียงเดินเลยไปตามทางอีกไม่เกิน 100 เมตร จะเจอกับจุดชมวิวผาสุขนิรันดร์ จากมุมนี้จะถ่ายมุมกว้างก็สวย จะซูมไปที่บันไดก็เริ่ดไม่แพ้กัน ใครอยากได้รูปสวยๆ ต้องจัดพร็อบพลิ้วๆ มาปลิวสยายไปตามลมแล้วล่ะ

ที่ตั้ง : .เกาะเปริด อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี

82.ชุมชนริมน้ำจันทบูร

ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งชุมชนโบราณสุดคลาสสิก ที่ชวนนักท่องเที่ยวย้อนอดีตวันวานเช่นกัน โดยความสำคัญของชุมชนแห่งนี้ ประกอบไปด้วยผู้คนจาก 3 เชื้อชาติไม่ว่าจะเป็น ไทย ญวน และ จีน ซึ่งมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ว่า ชุมชนริมน้ำจันทบูร เริ่มก่อในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงย้ายเมืองมาจากบ้านหัววัง ต.พุงทลาย (ปัจจุบันเป็น ต.จันทนิมิต จ.จันทบุรี) มายังเมืองจันทบูร ริมฝั่งแม่น้ำ ชุมชนขยายไปจนถึงย่านท่าสิงห์ ย่านท่าหลวง

เนื่องจากบริเวณนี้อยู่บนเนิน น้ำไม่ท่วม อุดมสมบูรณ์ อยู่ติดแม่น้ำ สามารถออกสู่ทะเลได้ แถมยังปลอดภัยจากข้าศึก ศัตรู ในสมัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินก็ใช้เมืองจันทบุรีรวบรวมกำลังพล กอบกู้กรุงศรีอยุธยาจากพม่า

โดยเมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว ช่วงสมัย ร.5 (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) บริเวณย่านท่าหลวง ใกล้กับชุมชนริมน้ำจันทบูร มีความเจริญเป็นอย่างมาก มีถนนสายแรกตัดผ่าน คือ ถนนสุขาภิบาล ถนนเลียบแม่น้ำจันทบุรี บริเวณนี้เป็นศูนย์กลางการค้าขาย และศูนย์การคมนาคมทั้งทางรถ และทางเรือ

ที่ตั้งของชุมชนริมน้ำจันทบูรเริ่มจากถนนท่าหลวงไปทางถนนสุขาภิบาลทั้งเส้น ริมสองฝั่งแม่น้ำ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร บริเวณนี้มีบ้านเรือนเก่า โบสถ์คริสต์ วัด ศาลเจ้าจีน ตลาดพลอด ร้านขายอาหาร ขนมไทยแบบดั้งเดิม ซึ่งนับวันจะหาชม หากินได้ยาก

ที่ตั้ง : .สุขาภิบาล อ.เมือง จ.จันทบุรี

83.ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นศาลที่มีรูปร่างลักษณะแปลกตา เพราะมีรูปทรงคล้ายกับหมวกนักรบไทยสมัยโบราณ

ภายในประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หล่อด้วยทองเหลืองรมดำ ผนังภายในเขียนลายพุ่มข้าวบิณฑ์ไว้อย่างสวยงาม นับเป็นสถานที่ที่แสดงถึงความผูกพันของชาวจันทบุรีกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ใช้เมืองจันทบุรี เป็นฐานที่มั่นหลักในการรวบรวมกำลังเพื่อไปกู้เอกราชคืนจากพม่าในสมัยเสียกรุงครั้งที่สอง เพราะที่นี่ถือเป็นหัวเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางฝั่งตะวันออก มีความอุดมสมบูรณ์ มีเรือสำเภาต่างชาติเข้ามาค้าขายมากมาย สามารถใช้เรือเหล่านั้นเป็นกำลังรบและใช้ขนส่งทหารได้

ใกล้ๆกันนั้น ยังมี ศาลหลักเมืองจันทบุรี ตั้งอยู่ใกล้ๆกันบริเวณด้านหน้าของค่ายตากสิน มีเสาหลักเมืองจันทุบรี ที่คาดว่าสร้างในสมัยปี พ.. 2310 นับว่าทั้งสองแห่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวและเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดจันทบุรี

ที่ตั้ง : บริเวณหน้าค่ายตากสิน ถ.ท่าหลวง ต.วัดใหม่ อ.เมือง จันทบุรี 22000

เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 20.00.

84.ชุมชนขนมแปลก ริมคลองหนองบัว

ชุมชนขนมแปลกริมคลองหนองบัว ชุมชนเก่าแก่อายุมากกว่า 200 ปี มีดีทั้งขนมหวาน อาหารและที่เที่ยว เปิดตลาดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 . เดินทางมาจากตัวเมืองจันท์เพียง 15 นาที

โดยตัวชุมชนยังคงรักษารูปแบบบ้านเก่า ๆ อาหารการกินแบบโบราณ เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมยังคงได้รับกลิ่นอายย้อนยุคไปในขณะที่เดินเที่ยว ส่วนขนมโบราณที่หาทานยากได้แก่ ขนมตะลุ่ม, ข้าวเกรียบอ่อน, ข้าวพอง, ตังเมน้ำอ้อย, ทองม้วนอ่อน, มะกอกคลุกเกลือ-น้ำตาล, ข้าวตอกน้ำอ้อย (ลูกระเบิด), ข้าเหนียวเผือก, ฯลฯ รวมไปถึงเมนูของคาวอย่าง ร้านก๋วยเตี๋ยวโบราณ (เส้นบะหมี่ทำเอง)

ชุมชนขนมแปลก ริมคลองหนองบัว

ที่ตั้ง : .เมือง จ.จันทบุรี

โทรศัพท์ : 039 460 298

85.น้ำตกพลิ้ว

อยู่ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว เป็นน้ำตกขนาดกลาง ที่มีน้ำใสไหลเย็นตลอดปี ท่ามกลางป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ สามารถลงเล่นน้ำได้จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว มีปลาพลวงอากาศอยู่เป็นจำนวนมาก บริเวณน้ำตกมีโบราณสถานสำคัญคือ อลงกรณ์เจดีย์สร้างขึ้นเมื่อครั้ง ร.5 เสด็จประพาสจันทบุรี และปิรามิดพระนางเรือล่ม ร.5 ทรงโปรดฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงสมเด็จพระนางเจ้า สุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี

ที่ตั้ง : ที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว ต.พลิ้ว อ.แหลมสิงห์

86.อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล

อาสนวิหารพระแม่มารีอาปฏิสนธินิรมล ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวน่าเช็กอินที่หลายคนไม่อยากพลาด ด้วยสถาปัตยกรรมการก่อสร้างที่สวยงามที่เรียกว่าศิลปะแบบโกธิคตัวอาคารยาว 60 . กว้าง 20 . มีหอแหลมสูงเด่นในตอนเริ่มแรกสร้างทั้งสองด้าน

ต่อมาปี ค.. 1940 (.. 2483) ทางการสั่งให้รื้อออก เพราะเกรงว่าจะเป็นเป้าของระเบิดทางอากาศในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนหอสูงด้านขวามีนาฬิกาเรือนใหญ่ติดตั้งอยู่ เส้นรอบหน้าปัดวัดได้ 4.70 เมตร จากหอสูงนี้สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองจันทบุรีได้ไกลประมาณ 2 กม.


อีกทั้งศิลปะโบสถ์หลังนี้ได้รับการประดับประดาตกแต่งทั้งภายในและภายนอกด้วยศิลปะเก่าแก่อย่างสวยงาม มีคุณค่าทั้งทางด้านศิลปะ ด้านความสวยงาม และด้านของโบราณ (Antiques)

ประกอบด้วยภาพกระจกสีที่เรียกว่า สเตนกลาส เป็นรูปของนักบุญหลายองค์ติดอยู่บริเวณเหนือพระแท่นบูชา และเหนือหน้าต่าง ทั้งทางด้านขวาและด้านซ้ายของสักการะสถาน กระจกสีเหล่านี้มีอายุรวม 100 ปี แต่สีสันยังเด่นชัดและยังมีจุดท่องเที่ยวที่โดดเด่นอีกมากมายรอคอยให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชม

สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจที่นี่มีกำหนดเวลาการเข้าชม โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล ตามเวลาการถวายมิสซาในวันธรรมดามี 2 ครั้ง ในเวลา 06.00-07.00 . และ 18.00-19.45 . ส่วนวันอาทิตย์มี 3 ครั้ง เวลา 06.15-08.30 . และ 19.00 .

แต่ถ้าใครที่ไม่ทันเที่ยวในช่วงกลางวันสามารถแวะไปเที่ยวกลางคืนได้ เพราะที่นี่จะเปิดไฟประดับอย่างสวยงาม และที่สำคัญที่สุดคือ นักท่องเที่ยวต้องแต่งกายด้วยชุดสุภาพ แต่งกายสำรวมสุภาพ ซึ่งเป็นการให้เกียรติสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา


ที่ตั้ง : 110 หมู่ 5 .จันทนิมิต อ.เมือง จ.จันทบุรี

เวลาเปิด-ปิด : วันธรรมดา 06.00-07.00 . และ 18.00-19.45 . ส่วนวันอาทิตย์มี 3 ครั้ง เวลา 06.15-08.30 . และ 19.00 .

87.ตลาดโบราณ 227 ปี ของดีบ้านตะปอนใหญ่

พาเดินช็อปปิ้งตลาดโบราณ 227 ปี ของดีบ้านตะปอนใหญ่ จ.จันทบุรี

ตลาดแห่งนี้เป็นตลาดโบราณ สายวัฒนธรรม ตั้งอยู่บริเวณวัดตะปอนใหญ่ ที่มีชาวบ้านในชุมชน มาจำหน่ายอาหารพื้นบ้าน มีทั้งอาหารคาว อาหารหวาน สินค้างานฝีมือ พืชผักผลไม้ จำหน่ายในราคาไม่แพง โดยตลาดโบราณแห่งนี้ จะเปิดทุกวันเสาร์ ตั้งแต่บ่ายสองโมงเป็นต้นไป

ที่ตั้ง : วัดบ้านตะปอนใหญ่ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี

88.หมู่บ้านไร้แผ่นดิน

ชวนไปท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วิถีชุมชนหมู่บ้านไร้แผ่นดินชุมชนเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี โดยหมู่บ้านไร้แผ่นดินหรือชื่อทางการคือหมู่บ้านปากน้ำเวฬุหรอที่ชาวบ้านเรียกว่าบ้านโรงไม้เป็นชุมชนที่มีความเป็นมายาวนานประมาณ มากกว่า 100 ปีมาแล้ว

เดิมหมู่บ้านนี้เป็นชาวจีน ส่วนใหญ่ที่เดินทางอพยพเข้ามาทำการค้าในไทย แต่เมื่อผ่านมาที่จันทบุรีได้นำเรือมาหลบลมในบริเวณลุ่มน้ำเวฬุ และพบว่าที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์ทางทะเล จึงได้ทำการประมง จนกลายเป็นอาชีพหลักของหมู่บ้านไร้แผ่นดิน

ต่อมาในปี 2514 รัฐเปิดสัมปทานให้มีการตัดไม้โกงกางในพื้นที่ลุ่มน้ำเวฬุ จึงมีผู้คนเข้ามาตัดไม้กันเป็นจำนวนมาก นำไม้มากองไว้ในบริเวณนี้รอการเข้าเตาเผาถ่าน จนเป็นที่มาของชื่อโรงไม้เมื่อหมดระยะสัมปทานป่าเผาถ่าน ผู้คนที่เคยทำกินอยู่บริเวณนี้จึงได้จับจองพื้นที่เพื่อตั้งรกราก และประกอบอาชีพประมงเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

สำหรับกิจกรรมที่น่าสนใจของที่นี่ก็คือ การชมหมู่บ้านไร้แผ่นดิน อยู่บริเวณที่คลองบางชันใหญ่ ไหลออกไปยังแม่น้ำเวฬุ อยู่ในพื้นที่ ต.บางชัน จากนั้นลงเรือไปเที่ยวชมเหยี่ยวแดง อยู่บริเวณป่าโกงกาง ลุ่มน้ำเวฬุ มีหลายแห่งใน ต.บางชัน และ ต.บ่อ

ปิดท้ายด้วยการชมความงดงามของทะเลแหวก อยู่ในบริเวณปากน้ำแม่น้ำเวฬุ ช่วงก่อนที่แม่น้ำจะไหลออกทะเล อยู่ในพื้นที่ ต.บางชัน โดยทุกวันนี้การเข้าถึงชุมชนยังคงเป็นไปได้ยาก ปัจจุบันยังต้องใช้การติดต่อทางเรือ เพราะยังไม่มีถนนเชื่อมกับชุมชนภายนอก และชุมชนใกล้เคียง

การเดินทางจากหมู่บ้านไปยังเมืองทำได้โดยการใช้เรือ เพื่อน ๆ ที่จะเดินทางไปที่นี่ก็ต้องเช็กเวลาเรือให้ดี ส่วนการมาเที่ยวพักผ่อนที่นี่ บางบ้านมีการปรับเปลี่ยนให้เป็นโฮมสเตย์ รวมทั้งผลิตสินค้าที่ผลิตจากวัตถุดิบในท้องถิ่นจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวด้วย อาทิ ทำกุ้งแห้ง กุ้งต้มหวาน กะปิ หมึกแห้ง ปลาเค็ม และสินค้าที่ระลึก

ที่ตั้ง : .บางชัน อ.ขลุง จ.จันทบุรี

89.เกาะกูด

เกาะกูด ขอต้อนรับสู่เกาะกลางทะเลที่ห่างไกล สุดชายแดนไทย และยังคงความบริสุทธิ์ทั้งชายหาดและผืนทะเลโดยรอบ จนบงคนถึงกับเรียกว่า อันดามันแห่งทะเลตะวันออก รวมทั้งป่าเขาบนเกาะ

ไม่ว่าจะเป็น น้ำตกคลองเจ้า หาดคลองเจ้า หาดบางเบ้า อ่าวง่ามโข่ อ่าวพร้าว แหลมเทียน ซึ่งแวดล้อมด้วยรรยากาศหาดทรายสวย น้ำทะเลใส ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าวริมหาด รวมไปถึงป่าชายเลนที่สมบูรณ์ และแนวปะการังหลากชนิด

นอกจากเกาะกูดแล้ว ในพื้นที่อ.เกาะกูด ยังมีเกาะน้อยใหญ่แวดล้อมมากมายที่สวยงามไม่แพ้กัน เช่น เกาะแรด เกาะหมาก เกาะขาม เกาะกระดาด เป็นต้น

ที่ตั้ง : .เกาะกูด จ.ตราด

เวลาเปิด-ปิด : มีเรือโดยสารหลายเจ้าให้บริการจากท่าเรือแหลมศอก ไป-กลับระหว่าง 10:00-13:00 . ทุกวัน

90.เกาะหมาก

เกาะหมาก เกาะเล็กๆ ในทะเลตราดที่สามารถมาเที่ยวได้โดยตรงจากแหลมงอบ หรือนั่งเรือต่อมาจากเกาะกูดหรือเกาะช้าง เสน่ห์ของเกาะหมากอยู่ที่ความเงียบสงบ ทรายขาวเนียนละเอียด น้ำทะเลใสกิ๊ง และแนวปะการังที่สวยงาม

แถมบนเกาะนี้ยังมีวิถีชีวิตชาวบ้านที่เรียบง่ายให้พบเห็น เหมาะสำหรับหลีกหนีความวุ่นวาย โดยมีอ่าวที่นักท่องเที่ยวนิยม เช่น อ่าวสวนใหญ่ อ่าวพระ อ่าวขาว อ่าวนิด ส่วนกิจกรรมก็ทำได้ตั้งแต่พักผ่อน เล่นน้ำทะเล พายเรือคายัค ดำน้ำชมประการังตามหมู่เกาะ ฯลฯ

ที่ตั้ง : .เกาะหมาก อ.เกาะกูด จ.ตราด

เวลาเปิด-ปิด : มีเรือโดยสารหลายเจ้าให้บริการจากแหลมงอบ ท่าเรือกรมหลวง ทุกวัน

91.จุดชมวิวเขาท่านก๋ง

จุดชมวิวเขาท่านก๋ง เป็นจุดชมวิวมุมสูงตรงสุดชายแดนภาคตะวันออกของไทย สร้างเป็นสกายวอล์คบนยอดเขาในบริเวณวัดเขาท่านก๋ง ซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ มองเห็นได้จากระยะไกล

เมื่อขึ้นมาถึงจุดชมวิวจะพบกับวิวที่งดงามของทะเลตราดและตัวอ.คลองใหญ่ หากมองไกลออกไปจะเห็นแหลมสารพัดพิษซึ่งเป็นสุดปลายแหลมฝั่งตะวันออกของประเทศไทย ติดกับชายแดนประเทศกัมพูชา สามารถชมวิวได้ทั้งวัน โดยเฉพาะยามเช้าที่บางวันอาจได้เห็นสายหมอกไหลจากภูเขาลงสู่ฝั่งทะเล

ที่ตั้ง : ซอยวัดเขาท่านก๋ง อ.คลองใหญ่ จ.ตราด

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน

92.ตลาดชายแดนบ้านหาดเล็ก

เขาว่ากันว่า ถ้ามาคลองใหญ่แล้วไม่แวะมาเช็คอินที่นี่เหมือนมาไม่ถึง เพราะที่นี่คือสุดปลายจังหวัดตราด ขับรถจนสุดถนนนั่นแหละคือด่านชายแดน และตลาดชายแดนบ้านหาดเล็ก ของซื้อหาให้เลือกสรรตามแบบฉบับตลาดการค้าทั่วไป

แต่ถ้าหากไปเช้าๆ หน่อยไม่เกินแปดเก้าโมง จะได้พบกับพ่อค้าแม่ค้าทางฝั่งบ้านเรานำสินค้าเกษตร ผลิตผลจากท้องทะเล หรือของสดต่างๆ มาวางขายให้ชาวกัมพูชาข้ามฝั่งมาซื้อกัน แต่ร้านต่างๆ ภายในตลาดสามารถมาช้อปปิ้งได้ตลอดวันนะ

ที่ตั้ง : สุดถนนสุขุมวิท อำเภอคลองใหญ่

เปิดปิดเวลา : ทุกวันตั้งแต่เช้าถึงเย็น

93.จุดชมวิวส่วนที่แคบที่สุดในประเทศไทย

หลายคนคงคิดว่าส่วนที่แคบที่สุดในประเทศไทยต้องอยู่ที่ประจวบคีรีขันธ์แน่ๆ แต่ถ้าลองพิจารณาแผนที่ดีๆ จะเห็นว่าแคบสุดต้องอยู่อำเภอคลองใหญ่นี่แหละ มีความกว้างนับจากริมทะเลจนถึงเขตประเทศกัมพูชาเพียงไม่ถึง 500 เมตร

พื้นที่ตรงนี้อาจไม่ได้มีจุดเด่นอะไร แต่หน่วยงานท้องถิ่นก็พัฒนาเป็นจุดชมวิวเชิงสัญลักษณ์ เราสามารถแวะชมวิว ถ่ายรูปเช็คอินกันเพลินๆ ว่ามาอยู่ในส่วนที่แคบที่สุดของประเทศไทยแล้วนะ

ที่ตั้ง : .หาดเล็ก อ.คลองใหญ่

94.ชุมชนไม้รูด

สีสันแห่งลำคลอง สีสันแห่งท้องทะเล บ้านไม้รูดเป็นชุมชนชาวประมงริมสองฝั่งคลองไม้รูด ช่วงที่กำลังจะไหลออกสู่ทะเลตราด เราสามารถมาเดินเที่ยวชมวิถีชีวิต หามุมถ่ายรูปเก๋ๆ หรือจะเหมาเรือชาวบ้านล่องชมวิวตามลำคลองก็ได้บรรยากาศ การท่องเที่ยวไปอีกแบบ

ภายในชุมชนมีโฮมสเตย์ให้บริการด้วยนะ อาจจะไม่ได้มากมายเยอะแยะ แต่ก็เหมาะกับใครที่ต้องการ มาสัมผัสวิถีชีวิตบ้านๆ ในแบบฉบับของไม้รูด เนื่องจากเป็นชุมชนริมคลอง เราจะไม่สามารถขับรถเข้าไปในชุมชนได้นะ ต้องจอดรถไว้ด้านนอกแล้วเดินเข้าไป

ที่ตั้ง ต.ไม้รูด อ.คลองใหญ่ จ.ตราด

95.ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว

แหล่งท่องเที่ยวชุมชนของจ.ตราด ที่งดงามด้วยวิถีชีวิตผสมผสานระหว่างพุทธและมุสลิมอย่างกลมกลืน

โดยกิจกรรมที่น่าสนใจเมื่อมาเยือนชุมชนแห่งนี้ก็มีให้ทำมากมาย ตั้งแต่การล่องเรือชมธรรมชาติป่าชายเลน เดินชมธรรมชาติระบบนิเวศป่าชายเลน ขึ้นหอดูนก พาไปตกปลา ไดหมึก ดำน้ำดูปะการัง พักโฮมสเตย์ชาวบ้าน ชมแหล่งท่องเที่ยวทั้งวัดน้ำเชี่ยว และมัสยิดอัลกุบรอ

รวมทั้งสะพานข้ามคลอง ที่กล่าวว่าเป็น ดาวตาแห่งน้ำเชี่ยว เมื่อถึงเวลาที่น้ำขึ้นจนสะท้อนเงาสะพานแห่งนี้ได้เต็มวง ขาดไม่ได้คือทั้งชมและช้อปของฝากที่มีชื่อเสียงมานาน นั่นคือ งอบน้ำเชี่ยว และตังเมกรอบ

ที่ตั้ง : .น้ำเชี่ยว อ.แหลมงอบ จ.ตราด

เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน

โทรศัพท์ : 061 660 0955

96.ชุมชนบ้านแหลมมะขาม

เป็นหมู่บ้านบนแหลมที่ยื่นไปในทะเล มีความเป็นมากว่า 100 ปี อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแหล่งทรัพยากรธรรมชาติทั้งป่าชายเลนและสัตว์ทะเล รวมทั้งวัฒนธรรมท้องถิ่นที่น่าศึกษา โดยมีกิจกรรมท่องเที่ยวภายในชุมชน

ไม่ว่าจะแวะจุดท่องเที่ยวสำคัญอย่าง เจ้าพ่อต้นมะขามโพรง ศูนย์เรียนรู้ตามรอยเสด็จฯ พระพุทธเจ้าหลวง รวมทั้งวัดแหลมมะขาม ที่มีโต๊ะวลีย์ศาสนสถานที่สำคัญของชาวมุสลิม ตั้งอยู่ภายใน

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทั้งล่องเรือชมป่าชายเลน เย็บงอบ สานคุ้ม งมหอยปากเป็ด ให้ลองทำกันสนุกๆ ด้วย

ที่ตั้ง : .แหลมงอบ จ.ตราด

เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน

โทรศัพท์ : 098 860 2914

97.ชุมชนบ้านท่าระแนะ

ชมความอัศจรรย์ของป่าชายเลนที่มีอายุเก่าแก่นับร้อยปี บนเส้นทางล่องเรือเข้าไปในคลองซึ่งจะผ่านป่าถึง 3 ประเภท คือ ป่าโกงกาง ป่าจาก และป่าตะบูน ที่เรียงรายด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่และแน่นขนัดราวกับหลุดเข้าไปในโลกดึกดำบรรพ์ แล้วหยุดให้เดินชม ลานตะบูน ที่เต็มไปด้วยรากไม้แผ่ขยายไปทั่วบริเวณจนเกิดเป็นภาพที่แปลกตา

นอกจากนี้ทางชุมชนยังมีกิจกรรมอื่นๆ ด้วย เช่น การนวดแบบ สปาเจ๊ก เพื่อสืบสานวัฒนธรรมชนพื้นเมืองตราดเชื้อสายจีน รวมทั้ง จิบชาร้อยรู อยู่ร้อยปี ซึ่งเป็นสมุนไพรท้องถิ่นที่ชาวบ้านเชื่อว่าช่วยรักษาโรคมะเร็ง รวมทั้งร่วมปลูกหัวร้อยรูเพื่อเป็นการอนุรักษ์สมุนไพรท้องถิ่นอีกด้วย

ที่ตั้ง : .หนองคันทรง อ.เมืองตราด จ.ตราด

เวลาเปิดปิด : ทุกวัน

โทรศัพท์ : 081 161 6694

98.อนุสรณ์สถานยุทธนาวีเกาะช้าง

มีอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผันพระพักตร์ไปยังบริเวณยุทธนาวีเกาะช้าง ด้านในพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงข้อมูลประวัติศาสตร์ของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ประวัติการสู้รบของกองทัพเรือไทยกับกองกำลังเรือรบของฝรั่งเศส

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2484 เป็นวันที่มีการรบทางเรือระหว่างไทยกับฝรั่งเศส อันนับเป็นยุทธนาวีครั้งสำคัญยิ่งของกองทัพเรือไทยเท่าที่ได้เคยมีมาในอดีต กองทัพเรือจึงได้ถือเอาวันที่ 17 มกราคม ของทุกปี เป็นวันสดุดีวีรชนกองทัพเรือ เพื่อแสดงความเคารพและรำลึกถึงวีรกรรมของทหารหาญแห่งราชนาวีไทยทั้ง 36 นาย ที่ได้สละชีพเพื่อรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติไทยเอาไว้จวบจนปัจจุบัน ในครั้งนั้น ฝรั่งเศสส่งกำลังเข้ารุกล้ำน่านน้ำไทยบริเวณเกาะช้าง รวมทั้งสิ้น 7 ลำ เฉพาะเรือลามอตปิเกต์ลำเดียวก็มีระวางขับน้ำถึง 9,350 ตัน

นอกจากนั้นยังมีเรือสลุตอีก 2 ลำ และเรือปืนอีก 4 ลำ ขณะที่กองทัพไทย มีกำลังรบเพียง 3 ลำ คือ เรือหลวงธนบุรี เรือหลวงสงขลา และเรือหลวงชลบุรี เราจึงเสียเปรียบในด้านกำลังรบอย่างไม่อาจจะเทียบกันได้ แต่บรรพบุรุษทหารเรือของเรายังคงมีขวัญและกำลังใจที่ดี และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญตราบจนเรือหลวงของไทยทั้ง 3 ลำ ต้องจมลงสู่อ้อมกอดแห่งท้องทะเลตราดพร้อมกับนายทหารและทหารประจำเรือที่เสียชีวิตไปถึง 36 นาย

อนุสรณ์สถานยุทธนาวีฯ ตั้งอยู่บริเวณชายทะเลแหลมงอบ เป็นที่ตั้งอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หันพระพักตร์ไปยังบริเวณยุทธนาวีเกาะช้าง รอบ ๆ บริเวณและอาคารพิพิธภัณฑ์ตกแต่งคล้ายเรือรบ ด้านในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงข้อมูลประวัติศาสตร์ของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ประวัติการสู้รบของกองทัพเรือไทยกับกองกำลังเรือรบของฝรั่งเศส

ที่ตั้ง: ถนนสุขาภิบาล 3 เกาะช้าง, ตราด

เปิดปิดเวลา: ทุกวัน 08:00 – 16:00 .

99.จุดชมวิวประภาคารแหลมงอบ

ประภาคารแหลมงอบ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินที่พลาดไม่ได้สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปเซลฟี่กับตัวประภาคารที่สูงโดดเด่นสัญลักษณ์สุดแผ่นดินตะวันออก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับถ่ายรูปเก็บความทรงจำสวย ๆ ส่วนด้านหลังก็จะเป็นวิวสะพานท่าเรือทอดยาวเข้าไปในทะเล ซึ่งเดิมที่นี่เคยคึกคักเป็นอย่างมากเพราะเป็นท่าเทียบเรือหลักที่รับนักท่องเที่ยวเดินทางไปต่อยังเกาะช้าง เกาะหมากและเกาะกระดาด

รวมไปถึงเกาะน้อยใหญ่อื่น ๆ อีกมากมาย แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปใช้ท่าเทียบเรืออื่น ๆ มากขึ้น แต่ก็ยังคงมีเรือที่ให้บริการข้ามฝั่ง จำหน่ายแพ็คเกจท่องเที่ยวอยู่มากมายให้เพื่อน ๆ ที่แวะมาถ่ายรูปสวย ๆ กับตัวประภาคารได้เลือก เดินทางไปเที่ยวต่อได้อย่างสะดวกสบายเลย

ที่ตั้ง : .แหลมงอบ อ.แหลมงอบ จ.ตราด

100.ชุมชนสลักคอก เกาะช้าง

อีกหนึ่งสีสันของการมาเที่ยวทะเลเกาะช้างต้องแวะมาที่หมู่บ้านสลักคอก เราจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวประมงพื้นบ้านที่ยังรักษาอัตลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้ โดยชมรมฯ ท่องเที่ยวของหมู่บ้านได้เตรียมกิจกรรมไว้รองรับนักท่องเที่ยว เช่น กิจกรรมพายเรือคายัคล่องไปตามลำคลองธรรมชาติ ศึกษาพรรณไม้ป่าชายเลน

ถ้าใครขี้เกียจพายเองก็เลือกนั่งเรือมาดหรือที่รู้จักกันในชื่อเรือกอนโดลาเกาะช้างก็ได้ มีคนแจวเรือพาชมทิวทัศน์ตั้งแต่ในลำคลองออกมาถึงปากอ่าวสลักคอก

ถ้ามาตอนเย็นก็จะโรแมนติกหน่อย ด้วยการนั่งเรือชมพระอาทิตย์ตกบริเวณปากอ่าวสลักคอกที่ถือเป็นจุดสวยงามที่สุด กินอาหารพื้นบ้านและอาหารทะเลสดๆ พร้อมชมวิถีประมงพื้นบ้านดั้งเดิมที่ยังพายเรือจับสัตว์น้ำโดยอาศัยแสงจันทร์นำทาง จากนั้นไปชมหิ่งห้อย หรือจะร่วมกิจกรรมตกปลาตกหมึกก็สนุกดีเหมือนกัน

สำหรับค่าบริการเรือคายัคและเรือกอนโดลามีหลายราคาตามรูปแบบของกิจกรรมสนใจคลิกดูรายละเอียดและติดต่อได้ที่

เฟซบุ๊ก : ชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก เกาะช้างใต้

ที่ตั้ง : บ้านสลักคอก ต.เกาะช้างใต้ .เกาะช้าง จ.ตราด

โทรศัพท์ : 087-748-9497, 083-115-5677