เที่ยวจันทบุรี 2 วัน 1 คืน ไปไหนดี ? เที่ยวหลากหลาย สนุกครบทุกรสชาติ

เที่ยวจันทบุรี แบบครบรสในวันหยุดสุดขีด มีเวลาแค่ 2 วัน 1 คืน ก็สามารถเก็บความสุขเต็มอิ่มได้ในทริปเดียว มีเวลาเที่ยวเมืองจันทบุรีแค่ 2 วัน 1 คืน ไปไหนดี? ตามมาทางนี้เลย

เพราะเราได้ไปรวมรวมสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ รวมถึงกิจกรรมท่องเที่ยวน่าทำในเมืองจันท์ มาฝากเพื่อน ๆ กันแล้ว ส่วนจะมีที่ไหนน่าสนใจเหมาะที่จะเป็นจุดเช็กอินห้ามพลาดของเพื่อน ๆ บ้างนั้นตามไปชมแบบเต็มกันเลยค่ะ

1. ชุมชนท่าใหม่ แหล่งรวมของกินอร่อย

ที่ตั้ง : ถ.เทศบาลสาย 9 อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี

เปิดทริปก็ต้องอิ่มท้องกันเลยที่ “ตลาดสดเทศบาลท่าใหม่” สถานที่ที่เต็มไปด้วยเมนูอาหารรสชาติเลิศ ๆ ให้เพื่อน ๆ ได้ตามไปลองชิม

โดยตลาดแห่งนี้เน้นความสะอาดเป็นหลัก เน้นความใส่ใจในคุณภาพชีวิตของลูกค้าเป็นหลัก อีกทั้งยังถือเป็นการจัดระเบียบให้นักท่องเที่ยวและชาวบ้านที่มาจับจ่ายใช้สอยในตลาดสดมีมุมมองที่แตกต่างไปจากตลาดอื่น ๆ

ส่วนสินค้าที่จำหน่ายภายในตลาดแห่งนี้ก็มีทั้ง อาหารสด, อาหารแห้ง, อาหารทะเล, เนื้อสด, ผลไม้ และอาหารแปรรูป อาหารปรุงสุกหลายหลากเมนู ส่วนเมนูอร่อยประจำท้องถิ่นท่าใหม่ที่หลายคนห้ามพลาด ได้แก่ ก๋วยเตี๋ยวซึ่งมีร้านที่น่าสนใจ อาทิ ร้านก๋วยเตี๋ยวท่าใหม่เจ้แดง, ก๋วยเตี๋ยวหมูเลียงเจ้ติ๊ด, ก๋วยเตี๋ยวเจ้เอี้ยง

รวมไปถึงเมนูของหวานทานเล่นทองม้วนอ่อนสูตรโบราณ อาทิ ทองม้วนคุณใบ้, ทองม้วนผู้พัน และทองม้วนแม่สงบ และยังมีเมนูที่น่าสนใจอื่น ๆ ภายในตลาดให้ลองชิมมากมาย

2. ชุมชนขนมแปลก ริมคลองหนองบัว

ที่ตั้ง : อ.เมือง จ.จันทบุรี

โทรศัพท์ : 039 460 298

เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/NongBuaChanthaburi/

ชุมชนขนมแปลกริมคลองหนองบัว ชุมชนเก่าแก่อายุมากกว่า 200 ปี มีดีทั้งขนมหวาน อาหารและที่เที่ยว เปิดตลาดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. เดินทางมาจากตัวเมืองจันท์เพียง 15 นาที

โดยตัวชุมชนยังคงรักษารูปแบบบ้านเก่า ๆ อาหารการกินแบบโบราณ เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมยังคงได้รับกลิ่นอายย้อนยุคไปในขณะที่เดินเที่ยว

ส่วนขนมโบราณที่หาทานยากได้แก่ ขนมตะลุ่ม, ข้าวเกรียบอ่อน, ข้าวพอง, ตังเมน้ำอ้อย, ทองม้วนอ่อน, มะกอกคลุกเกลือ-น้ำตาล, ข้าวตอกน้ำอ้อย (ลูกระเบิด), ข้าวเหนียวเผือก, ฯลฯ รวมไปถึงเมนูของคาวอย่าง ร้านก๋วยเตี๋ยวโบราณ (เส้นบะหมี่ทำเอง)

จากนั้นก็เดินทางไปเที่ยวที่บ้านเลขที่ 38 ที่มีอายุอานามกว่า 112 ปี ลักษณะบ้านโบราณสองชั้น สร้างขึ้นตั้งแต่สมัย ร. 5 ซึ่งสมเด็จพระเทพฯ ทรงส่งแบบบ้านไปประกวดและพระราชทานรางวัลอนุรักษ์ศิลป์สถาปัตยกรรมดีเด่น

ภายในจัดแสดงของเก่า อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับทำขนมในอดีต รวมไปถึงภาพเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ มากมาย สำหรับใครที่กำลังมองหาแหล่งของหวานเติมน้ำตาลให้กับชีวิต

หรืออยากเดินเที่ยวชิค ๆ ชิล ๆ ลองแวะมาที่ ชุมชนขนมแปลกริมคลองหนองบัว จันทบุรีได้เลย

3. ชุมชนริมน้ำจันทบูร

ที่ตั้ง : ถ.สุขาภิบาล อ.เมือง จ.จันทบุรี

ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งชุมชนโบราณสุดคลาสสิก ที่ชวนนักท่องเที่ยวย้อนอดีตวันวานเช่นกัน โดยความสำคัญของชุมชนแห่งนี้ ประกอบไปด้วยผู้คนจาก 3 เชื้อชาติไม่ว่าจะเป็น ไทย ญวน และ จีน

มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ว่า ชุมชนริมน้ำจันทบูร เริ่มก่อในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงย้ายเมืองมาจากบ้านหัววัง ต.พุงทลาย (ปัจจุบันเป็น ต.จันทนิมิต จ.จันทบุรี) มายังเมืองจันทบูร ริมฝั่งแม่น้ำ ชุมชนขยายไปจนถึงย่านท่าสิงห์ ย่านท่าหลวง เนื่องจากบริเวณนี้อยู่บนเนิน น้ำไม่ท่วม อุดมสมบูรณ์ อยู่ติดแม่น้ำ สามารถออกสู่ทะเลได้ แถมยังปลอดภัยจากข้าศึก ศัตรู ในสมัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินก็ใช้เมืองจันทบุรีรวบรวมกำลังพล กอบกู้กรุงศรีอยุธยาจากพม่า

โดยเมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว ช่วงสมัย ร.5 (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) บริเวณย่านท่าหลวง ใกล้กับชุมชนริมน้ำจันทบูร มีความเจริญเป็นอย่างมาก มีถนนสายแรกตัดผ่าน คือ ถนนสุขาภิบาล ถนนเลียบแม่น้ำจันทบุรี บริเวณนี้เป็นศูนย์กลางการค้าขาย และศูนย์การคมนาคมทั้งทางรถ และ ทางเรือ

ที่ตั้งของชุมชนริมน้ำจันทบูรเริ่มจากถนนท่าหลวงไปทางถนนสุขาภิบาลทั้งเส้น ริมสองฝั่งแม่น้ำ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร บริเวณนี้มีบ้านเรือนเก่า โบสถ์คริสต์ วัด ศาลเจ้าจีน ตลาดพลอด ร้านขายอาหาร ขนมไทยแบบดั้งเดิม ซึ่งนับวันจะหาชม หาทานได้ยาก

4. เที่ยวชุมชนสัมผัสวิถีชาวบ้าน อ.ขลุง

ที่ตั้ง : ต.บางชัน อ.ขลุง จ.จันทบุรี

นอกจากที่นี่จะเป็นที่ตั้งของชุมชนเก่าแก่ที่มีมาอย่างยาวนานแล้ว เพื่อน ๆ นักท่องเที่ยวหลายคนก็อย่างที่จะแวะมาสัมผัสวิถีชาวบ้านใน อ.ขลุง อย่างแน่นอน

รูปแบบของการท่องเที่ยวและการเดินทางมาพักผ่อนที่นี่ส่วนใหญ่จะมากับครอบครัวและกลุ่มเพื่อนขนาดใหญ่ โดยจะมีบ้านของชาวบ้านที่ปรับเปลี่ยนมาเป็นโฮมสเตย์รองรับนักท่องเที่ยวมากมาย นักท่องเที่ยวต้องมีการโทรจองล่วงหน้า เนื่องจากบางที่มีที่พักจำกัด

และตัวอย่างโฮมสเตย์น่าสนใจ คือ ริมทะเลจันทร์ โฮมสเตย์, บ้านทะเลดาว โฮมสเตย์ เป็นต้น โดยจะคิดราคาเข้าพักประมาณ 1500/คน ลักษณะคล้ายการซื้อแพ็กเก็จท่องเที่ยว

นอกจากที่พัก อาหารแล้ว ยังมีการพาเดินทางไปเที่ยวยังจุดต่าง ๆ ใกล้ ๆ ที่พัก มีเล่นกิจกรรมทางน้ำ ชมการทำประมงอาชีพหลักของคนในชุมชน อ.ขลุง เรียกได้ว่ามาที่เดียวจะได้รับความคุ้มค่าแห่งการพักผ่อนกลับไปอย่างแน่นอน

5. อาสนวิหารพระแม่มารีอาปฏิสนธินิรมล

ที่ตั้ง : 110 ม.5 ถ.สันติสุข ต.จันทนิมิต อ.เมือง จ.จันทบุรี

อาสนวิหารพระแม่มารีอาปฏิสนธินิรมล ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวน่าเช็กอินที่หลายคนไม่อยากพลาด ด้วยสถาปัตยกรรมการก่อสร้างที่สวยงามที่เรียกว่า “ศิลปะแบบโกธิค” ตัวอาคารยาว 60 ม. กว้าง 20 ม. มีหอแหลมสูงเด่นในตอนเริ่มแรกสร้างทั้งสองด้าน

ต่อมาปี ค.ศ. 1940 (พ.ศ. 2483) ทางการสั่งให้รื้อออก เพราะเกรงว่าจะเป็นเป้าของระเบิดทางอากาศในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนหอสูงด้านขวามีนาฬิกาเรือนใหญ่ติดตั้งอยู่ เส้นรอบหน้าปัดวัดได้ 4.70 เมตร จากหอสูงนี้สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองจันทบุรีได้ไกลประมาณ 2 กม.
อีกทั้งศิลปะโบสถ์หลังนี้ได้รับการประดับประดาตกแต่งทั้งภายในและภายนอกด้วยศิลปะเก่าแก่อย่างสวยงาม มีคุณค่าทั้งทางด้านศิลปะ ด้านความสวยงาม และด้านของโบราณ (Antiques)

ประกอบด้วยภาพกระจกสีที่เรียกว่า สเตนกลาส เป็นรูปของนักบุญหลายองค์ติดอยู่บริเวณเหนือพระแท่นบูชา และเหนือหน้าต่าง ทั้งทางด้านขวาและด้านซ้ายของสักการะสถาน กระจกสีเหล่านี้มีอายุรวม 100 ปี แต่สีสันยังเด่นชัดและยังมีจุดท่องเที่ยวที่โดดเด่นอีกมากมายรอคอยให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชม

สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจที่นี่มีกำหนดเวลาการเข้าชม โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล ตามเวลาการถวายมิสซาในวันธรรมดามี 2 ครั้ง ในเวลา 06.00-07.00 น. และ 18.00-19.45 น. ส่วนวันอาทิตย์มี 3 ครั้ง เวลา 06.15-08.30 น. และ 19.00 น.

แต่ถ้าใครที่ไม่ทันเที่ยวในช่วงกลางวันสามารถแวะไปเที่ยวกลางคืนได้ เพราะที่นี่จะเปิดไฟประดับอย่างสวยงาม และที่สำคัญที่สุดคือ นักท่องเที่ยวต้องแต่งกายด้วยชุดสุภาพ แต่งกายสำรวมสุภาพ ซึ่งเป็นการให้เกียรติสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

6. ป้าหลุยลุงทม โฮมสเตย์

ที่ตั้ง : ท่าแฉลบ อ.เมือง จ.จันทบุรี

โทรศัพท์ : 089 803 0020

เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/trvhomestay1/

แวะไปพักร้อนนอนสบายแบบใกล้ชิดธรรมชาติกันที่ “ป้าหลุยลุงทม โฮมสเตย์” พักแพกลางน้ำ บรรยากาศเงียบสงบ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมวิถีชาวบ้าน สานต่ออาชีพประมง

สำหรับโฮมสเตย์ของที่นี่มีลักษณะเป็นแพจอดอยู่กับที่ ใช้ไฟฟ้าโดยไฟนีออนจากแบตเตอรี่ เพื่อเป็นการรักษาสมดุลทางธรรมชาติและรบกวนธรรมชาติให้น้อยที่สุด

อีกทั้งยังถือเป็นการรักษาระบบนิเวศน์ ป่าชายเลนควบคู่ไปกับการทำอาชีพประมง เลี้ยงปลา เลี้ยงหอยนางรม แต่ก็ยังมีเรือพาแล่นเรือไปฟาร์มชมอู่ต่อเรือพระเจ้าตาก หรือนั่งเรือไปชมโชว์ปลาโลมาที่โอเอซิสซีเวิลด์ได้อีกด้วย

ส่วนใครที่สนใจมาพักผ่อนแบบโฮมสเตย์ อิ่มอร่อยไปกับเมนูหอยนางรมสด ๆ และเมนูอาหารทะเลฟิน ๆ ที่นี่คิดราคาคืนละ 1,800 บาท อาหาร 3 มื้อ รับลูกค้าขั้นต่ำ 5 คน และเปิดบริการทุกวัน เวลา 07.00-19.00 น. และควรโทร.จองล่วงหน้าจะดีที่สุด

7. อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว

ที่ตั้ง : ต.พลิ้ว อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี

เอาใจนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติกันบ้างกับ “อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว” (ชื่อเดิมคือ อุทยานแห่งชาติเขาสระบาป) อุทยานแห่งชาติลำดับที่ 11 ของประเทศไทย ส่วนจุดเด่นที่เป็นส่วนสำคัญจนกลายเป็นชื่อของอุทยานฯ แห่งนี้คือ “น้ำตกพลิ้ว”

ตัวน้ำตกที่มีความสวยงาม มีน้ำตกตลอดปี ประกอบด้วยสายธาร 2 สาย สายหนึ่งไหลลดหลั่นผ่านซอกหินผา อีกสายหนึ่งมีขนาดเล็กกว่า แต่ทิ้งตัวลงมาจากผาสูง 20 ม. ทั้งสองสายไหลมารวมกันในแอ่งน้ำใสสะอาด มากสามารถมองเห็นพื้นล่างซึ่งส่วนใหญ่เป็นหินและทรายในระดับลึกกว่า 2 ม.

ภายในบริเวณน้ำตกและลำคลอง มีปลาใหญ่น้อยหลายชนิดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นที่ตื่นตาตรึงใจกับฝูงปลาแก่ผู้ที่ไปท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะ “ปลาพลวงหิน” เหล่านี้

นอกจากนี้สถานท่องเที่ยวอีกแห่งที่น่าสนใจ คือ สถูปพระนางเรือล่ม อยู่ในบริเวณ น้ำตกพลิ้ว สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 (พ.ศ. 2424) เพื่อเป็นที่ระลึกแก่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี

ภายในสถูปพระนางเรือล่มบรรจุพระอังคารของพระนางเจ้าฯ, น้ำตกคลองนารายณ์, อ่างศาล, อ่างสรง หรือ อ่างหงส์, ถ้ำพระนารายณ์, น้ำตกตรอกนอง, น้ำตกมะกอก, อ่างเก็บน้ำห้วยตาโบ

มีจุดชมทิวทัศน์ เป็นจุดที่สามารถมองเห็นสภาพป่าที่สมบูรณ์ในเขตอุทยานแห่งชาติ เห็นสวนผลไม้ สวนยาง และเขตที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน และเห็นทะเลในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส

ฃสำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการที่พักทางอุทยานก็มีบ้านพักให้บริการแก่นักท่องเที่ยว รวมไปถึงเต็นท์และสถานที่กางเต็นท์ไว้ให้บริการ ส่วนค่าเข้าชม คนไทยผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท /ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท

8. เที่ยวชุมชนไร้แผ่นดิน

ที่ตั้ง : ต.บางชัน อ.ขลุง จ.จันทบุรี

ชวนไปท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วิถีชุมชน “หมู่บ้านไร้แผ่นดิน” ชุมชนเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี โดย “หมู่บ้านไร้แผ่นดิน” หรือชื่อทางการคือ “หมู่บ้านปากน้ำเวฬุ” หรอที่ชาวบ้านเรียกว่า “บ้านโรงไม้” เป็นชุมชนที่มีความเป็นมายาวนานประมาณ มากกว่า 100 ปีมาแล้ว

เดิมหมู่บ้านนี้เป็นชาวจีน ส่วนใหญ่ที่เดินทางอพยพเข้ามาทำการค้าในไทย แต่เมื่อผ่านมาที่จันทบุรีได้นำเรือมาหลบลมในบริเวณลุ่มน้ำเวฬุ และพบว่าที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์ทางทะเล จึงได้ทำการประมง จนกลายเป็นอาชีพหลักของหมู่บ้านไร้แผ่นดิน

ต่อมาในปี 2514 รัฐเปิดสัมปทานให้มีการตัดไม้โกงกางในพื้นที่ลุ่มน้ำเวฬุ จึงมีผู้คนเข้ามาตัดไม้กันเป็นจำนวนมาก นำไม้มากองไว้ในบริเวณนี้รอการเข้าเตาเผาถ่าน จนเป็นที่มาของชื่อ “โรงไม้” เมื่อหมดระยะสัมปทานป่าเผาถ่าน ผู้คนที่เคยทำกินอยู่บริเวณนี้จึงได้จับจองพื้นที่เพื่อตั้งรกราก และประกอบอาชีพประมงเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

สำหรับกิจกรรมที่น่าสนใจของที่นี่ก็คือ การชมหมู่บ้านไร้แผ่นดิน อยู่บริเวณที่คลองบางชันใหญ่ ไหลออกไปยังแม่น้ำเวฬุ อยู่ในพื้นที่ ต.บางชัน จากนั้นลงเรือไปเที่ยวชมเหยี่ยวแดง อยู่บริเวณป่าโกงกาง ลุ่มน้ำเวฬุ มีหลายแห่งใน ต.บางชัน และ ต.บ่อ

ปิดท้ายด้วยการชมความงดงามของทะเลแหวก อยู่ในบริเวณปากน้ำแม่น้ำเวฬุ ช่วงก่อนที่แม่น้ำจะไหลออกทะเล อยู่ในพื้นที่ ต.บางชัน โดยทุกวันนี้การเข้าถึงชุมชนยังคงเป็นไปได้ยาก ปัจจุบันยังต้องใช้การติดต่อทางเรือ เพราะยังไม่มีถนนเชื่อมกับชุมชนภายนอก และชุมชนใกล้เคียง

การเดินทางจากหมู่บ้านไปยังเมืองทำได้โดยการใช้เรือ เพื่อน ๆ ที่จะเดินทางไปที่นี่ก็ต้องเช็กเวลาเรือให้ดี ส่วนการมาเที่ยวพักผ่อนที่นี่ บางบ้านมีการปรับเปลี่ยนให้เป็นโฮมสเตย์ รวมทั้งผลิตสินค้าที่ผลิตจากวัตถุดิบในท้องถิ่นจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวด้วย อาทิ ทำกุ้งแห้ง กุ้งต้มหวาน กะปิ หมึกแห้ง ปลาเค็ม และสินค้าที่ระลึก

ไม่น่าเชื่อว่าที่เมืองจันทบุรี จะมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจรอคอยให้นักเดินทางแพ็กกระเป๋าเดินทางไปพักผ่อนอยู่มาก

รับรองได้ว่าเพื่อน ๆ ที่ได้มาเยือนสถานที่แห่งความสุขเหล่านี้จะต้องเก็บความประทับใจกลับบ้านไปแบบเต็มกระเป๋าอย่างแน่นอน