ผจญภัยสุดมัน! สนุกได้ทุกวัน เมืองในฝันนครนายก

ชาธร โชคภัทระ : เรื่องและภาพ

เคยมีคนพูดไว้ว่า การเดินทางช่วยเปิดโลกทัศน์ของเราให้กว้างไกลออกไป และจุดหมายปลายทาง อาจมิใช่สิ่งสำคัญที่สุด ทว่ารายละเอียดระหว่างทางต่างหากล่ะที่สำคัญกว่า เพราะเราอาจพานพบกับรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ น้ำใจไมตรี ความสนุกสนาน และการรู้จักตัวเองมากขึ้น ทั้งหมดนี้ผมพบได้ที่ ‘นครนายก’ ครับ

จะทำภารกิจหนีเที่ยวจากเมืองกรุงทั้งที ขอบอกเลยว่าไม่ต้องไปไกลกรุงเทพฯ ให้เมื่อยตุ้ม ในรัศมีไม่เกิน 200 กิโลเมตร มีแหล่งน่าเที่ยวอยู่เพียบ และทริปนี้ผมขอเลือก ‘นครนายก’ จังหวัดในฝันใกล้กรุง ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงแค่ 107 กิโลเมตรเท่านั้น

เสน่ห์ของนครนายกคือความสวยงามและความอุดม ของธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพร สายน้ำลำธาร น้ำตกน้อยใหญ่ กิจกรรมผจญภัย และวัฒนธรรมชนเผ่า ที่เราสามารถเข้าไปสัมผัสได้จริง และอย่างง่ายดาย ฮาฮาฮา ไม่ได้โม้!

การขับรถจากกรุงเทพฯ สู่นครนายกคือความสุขอย่างหนึ่งในการเดินทาง เพราะเมื่อไกลเมืองกรุง ออกไปเรื่อยๆ ความแออัดของตึกรามบ้านช่อง ความสับสนวุ่นวาย และจำนวนรถรา ก็ดูจะน้อยลงไปด้วย

ตรงกันข้ามกับความโปร่งโล่งสบาย อากาศสดชื่น และพื้นที่สีเขียวของธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น ตามหลักไมล์ที่เพิ่มขึ้น ภูเขา ต้นไม้ สายน้ำ และผืนฟ้ากว้าง คือสี่อย่างที่ผมพบได้อย่างง่ายดายในจังหวัดนี้ มันจึงเหมือนกับการได้พาตัวเองหลุดพ้นออกจากความวุ่นวาย ไปปล่อยให้ธรรมชาติเยียวยาหัวใจ

‘เขื่อนขุนด่านปราการชล’ (หรือ เขื่อนคลองท่าด่าน) เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่ผมชอบไปเยือน ทำไมน่ะหรือ? คงเพราะที่นี่มีความพิเศษตรงเป็นเขื่อนคอนกรีตบดอัดยาวที่สุดในโลก ตัวเขื่อนสูงตระหง่านเกือบ 100 เมตร (93 เมตร) และสันเขื่อนยาวเกือบ 3 กิโลเมตร (2,720 เมตร)

แต่ที่ชิลมากๆ คือเราสามารถนั่งรถพ่วง ที่ทางเขื่อนให้บริการขึ้นไปชมวิวบนสันเขื่อนได้น่ะสิ ผมชอบเวลาอยู่บนนี้มาก เพราะมองไปด้านหนึ่งจะเห็นแม่น้ำนครนายก และตัวเมืองนครนายก รวมถึงประตูระบายน้ำลงด้านใต้เขื่อน

แต่เมื่อมองไปอีกด้านหนึ่งก็จะเห็นเวิ้งน้ำกว้างสุดสายตา โอบล้อมด้วยภูเขาสีเขียวของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ให้กำเนิดน้ำจากน้ำตกเหวนรกมาเก็บไว้เหนือเขื่อนนี้ ลมเย็นพัดพรูชื่นใจ ถ่ายภาพได้แจ่มจริงๆ

การเที่ยวเขื่อนขุนด่านปราการชลเป็นเพียงน้ำจิ้มเริ่มต้น เพราะจากนี้คือ ‘การผจญภัย’ อย่างแท้จริง กับการล่องเรือยางในแม่น้ำนครนายก ซึ่งล่องได้ตลอดปี ไม่เฉพาะฤดูฝน และความแรงของแก่งในลำน้ำ ก็อยู่ตั้งแต่ระดับ 1-2 เท่านั้น เรียกว่าเป็นสายน้ำที่ล่องได้สนุกสนาน เฮฮา ไม่อันตราย และมอบประสบการณ์ ประทับใจให้ผมและเพื่อนๆ ได้เสมอ

การล่องแก่งด้วยเรือยางนี้มีผู้ประกอบการมืออาชีพให้บริการหลายเจ้า และแต่ละเจ้าก็มีจุดลงเรือไม่เหมือนกัน จุดยอดนิยมคือท่าเรือเขื่อนขุนด่านปราการชล-วัดทิเบต ล่องไปยังแก่งสามชั้น ซึ่งมีความเชี่ยวกรากพอให้ได้กรี๊ดกร๊าดกันครับ ลำน้ำช่วงนี้ไม่กว้างหรือคดเคี้ยวเกินไป สองฟากฝั่งเป็นโขดหินและแมกไม้พุ่มไพรพฤกษ์เขียวสดเย็นตา และมีต้นไคร้น้ำขึ้นอยู่เป็นทิว

เรือหนึ่งลำนั่งได้ 5-6 คน พร้อมด้วยนายท้ายและคนคัดหัวเรือ เวลาผ่านแก่งก็ต้องช่วยกันพายตาคำสั่ง แต่พอพ้นแก่งไปแล้ว ก็ชมวิวทิวทัศน์พงไพรสองข้างทางได้สบายๆ อย่าลืมใส่เสื้อชูชีพกับหมวกกันน็อคเพื่อความปลอดภัยด้วยล่ะ

หลังจากล่องแก่งตัวเปียกปอนไปชั่วโมงกว่า ก็ได้เวลาขึ้นมาอาบน้ำเปลี่ยนชุดแห้งๆ ให้สบายตัว ขับรถมุ่งหน้าต่อไปยัง ‘โรงเรียนนายร้อย จปร. เขาชะโงก’ ไม่ได้ไปสมัครเรียนหรอกนะ เพราะผมสูงไม่ถึง ฮาฮาฮา

แต่จะไปทำกิจกรรมผจญภัยสนุกๆ ที่พี่ทหารใจดีเขาตระเตรียมไว้ให้มากมาย และนักท่องเที่ยวทั่วไป หรือคนที่ไปกันเป็นหมู่คณะติดต่อล่วงหน้า สามารถเล่นสนุกได้แทบทุกวัน มีไล่ดีกรีความมันตั้งแต่ง่ายๆ ไปจนถึงหวาดเสียวสุดๆ แต่ก็ปลอดภัย เพราะเขาเน้น Safety First ครับ

โรงเรียนนายร้อย จปร. เขาชะโงก มีประวัติความเป็นมาเก่าแก่มาก ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2430 ถึงปัจจุบันก็ 132 ปีแล้ว ว้าว! จึงแน่นอนว่าเขาต้องมีเรื่องดีเรื่องเด่นมากมายไว้อวด โดยที่นี่เป็นสถาบันการศึกษาวิชาทหารซึ่งผลิตนักเรียนนายร้อยทหารบกให้กองทัพไทย มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 อาณาบริเวณโรงเรียนกว้างขวางถึง 2,000 ไร่ ตั้งเด่นอยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพรของเขาชะโงกที่แลเห็นชัด

จุดแรกที่เราเห็นคืออาคารบัญชาการใหญ่ของโรงเรียนฯ มีลักษณะเป็นตึกสี่เหลี่ยมสีน้ำตาลแดง และมีพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5 ประดิษฐานเด่นอยู่ด้านหน้า

สักการะท่านแล้ว ก็ได้เวลาเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ โรงเรียน จปร. 100 ปี ซึ่งเป็นอาคารทรงเหลี่ยมยอดแหลมสีทอง มีชั้นบนดิน และใต้ดิน จัดแสดงประวัติของโรงเรียน และมีชุดเครื่องแบบทหาร อาวุธ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันให้ชมครับ

ศาลเจ้าพ่อขุนด่าน

น้ำตกเขาชะโงก

จากนั้นจะขับรถขึ้นจุดชมวิวเขาชะโงก เที่ยวเล่นน้ำที่น้ำตกเขาชะโงกให้ชุ่มฉ่ำ หรือไหว้ศาลเจ้าพ่อขุนด่านก็ได้

แต่ไฮไลท์ของการมาเยือนที่นี่คือการทำกิจกรรมผจญภัยสนุกๆ หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ขี่รถ ATV สะเทินน้ำสะเทินบกบุกตะลุยไปตามเส้นทาง Off Road ผ่านเส้นทางป่าสุดมัน!

นอกจากนี้ยังมีเส้นทางปั่นจักรยาน, เล่นโหนรอกข้ามน้ำ, โรยตัวจากหอสูง, โดดหอ 34 ฟุต วัดใจสุดหวิว, เข้าฐานทดสอบกำลังใจ, ฝึกเป็นผู้นำหน่วย, เดินป่าผจญไพรไปพิชิตเขาชะโงก 2 วัน 1 คืน, ยิงปืนเพนท์บอล, ยิงธนู

รวมถึงการพายเรือคายัคในอ่างเก็บน้ำของโรงเรียนครับ โห! ทีนี้เชื่อรึยังล่ะว่า โรงเรียนนายร้อย จปร. คือศูนย์รวมกิจกรรมผจญภัย Extreme ที่เราสัมผัสได้ด้วยตัวเองจริงๆ

อ่างเก็บน้ำโรงเรียนนายร้อย นครนายก

นครนายกมีชื่อเสียงเรื่องแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติไม่เป็นสองรองใคร เพราะทิศเหนือ และทิศตะวันออกติดต่อกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จึงมี ‘3 น้ำตกสุดเจ๋ง’ ให้ไปเล่นน้ำกันอย่างชุ่มฉ่ำ คือ น้ำตกสาริกา น้ำตกนางรอง และน้ำตกวังตะไคร้

น้ำตกสาริกา นครนายก

แต่ละแห่งล้วนมีเสน่ห์ไม่เหมือนกัน และเที่ยวได้ตลอดปีด้วย เริ่มตั้งแต่ ‘น้ำตกสาริกา’ น้ำตกใหญ่ที่ทิ้งตัวลงมาจากผาหินสูงกว่า 200 เมตร เป็นสายสีขาวคล้ายปุยลำลีนุ่มๆ น้ำตกนี้ 9 ชั้น จากลานจอดรถต้องเดินป่าเลาะธารน้ำเข้าไป จนถึงตัวน้ำตก และจะมีบันไดปูนทำไว้ให้เราเดินสูงขึ้นๆ ตามสู่น้ำตกชั้นต่างๆ ซึ่งมีแอ่งน้ำสลับเป็นช่วงๆ ลงเล่นน้ำได้อย่างฉ่ำใจ แต่หน้าฝนน้ำจะเยอะหน่อย ถ้าเจ้าหน้าที่บอกว่าน้ำเชี่ยวอย่าลงเล่นน้ำ ก็ต้องเชื่อฟังนะครับ

ถัดมาคือ ‘น้ำตกนางรอง’ น้ำตกใหญ่อีกแห่งที่มีงดงามมาก เพราะไหลลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ อย่างกับมีนางไม้ไปบรรจงจัดแต่งไว้ จากลานจอดรถเราต้องเดินเลาะธารน้ำเข้าไปก่อนราวๆ 200 เมตร จนถึงสะพานทอดข้ามลำน้ำ ซึ่งบนสะพานนี้เองเป็นจุดชมวิวน้ำตกได้แจ่มสุดๆ เพราะสามารถเห็นธารน้ำไหล ตรงเข้ามา โดยมีภูเขาลูกใหญ่เป็นฉากหลัง และขนาบด้วยป่าไม้เขียวขจีรกชัฏสองฟากฝั่ง

ถ่ายภาพเสร็จแล้วเดินต่อไปตามน้ำตกชั้นต่างๆ ลงเล่นน้ำตามแอ่งที่เราชอบ เท่านี้ก็มีความสุขแล้วล่ะ และน้ำตกแห่งสุดท้ายก็คือ ‘น้ำตกวังตะไคร้’ เกิดจากการรวมตัวของลำธาร 2 สาย คือ คลองมะเดื่อจากน้ำตกเหวกระถิน และคลองตะเคียนจากน้ำตกแม่ปล้อง ไหลผ่านโขดหินน้อยใหญ่ ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำนครนายก น้ำที่นี่ไม่ลึกมาก กระแสไม่แรง เหมาะล่องห่วงยางปล่อยตัวให้ไหลไปตามน้ำ ชมผืนป่าเขียวๆ อุดมสมบูรณ์ที่มีแมกไม้ใหญ่นานาชนิด รวมถึงสวนดอกไม้ และกิจกรรมผจญภัยอีกเพียบ

ถนนเส้นทางไปน้ำตกช่วงเดือน กุมภาพันธ์-เมษายน มีสวนมะยงชิด ให้ชมและแวะชอปด้วย

ออกแรงกันมาหลายกิจกรรม ชักจะเริ่มล้า ขอปิดท้ายทริปแบบชิลๆ ด้วยการไปเยือนอำเภอปากพลี

ที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวชุมชนให้สัมผัส โดยเฉพาะ ‘ชุมชนชาวไทยพวน’ หลายหมู่บ้าน ทั้งชุมชนบ้านฝั่งคลอง, ชุมชนบ้านใหม่, ชุมชนบ้านเกาะหวาย และชุมชนท่าแดง

โดยชาวไทยพวนที่นี่เข้ามาตั้งรกรากกันอยู่ตั้งแต่ยุคต้นรัตนโกสินทร์แล้ว และมีวัฒนธรรมอันมีเอกลักษณ์ของตน ยังสืบสานนำมาเป็นแม่เหล็กดึงดูดทางการท่องเที่ยวได้ ทั้งภาษาน่ารักๆ ผ้าทอลวดลายสวยงาม

อาหารอร่อยๆ อย่างแกงเลียง แกงจาน แกงบอน แกงขี้เหล็ก แกงหน่อไม้ และแจ่วปลาแดะ

แถมยังมีการแสดงพื้นบ้านโชว์ ให้ดู ไม่ว่าจะเป็นลำพวน ลำตัดพวน รำโทน รำชุดสาวเชียงขวาง การฟ้อนชุดบุญข้าวจี่ และการแสดงชุดไทยพวนม่วนชื่น พวกเขาจะต้อนรับเราอย่างฉันมิตร

โดยมีพิธีบายศรีสู่ขวัญอันอบอุ่น คนในชุมชนจะเข้ามาพูดคุย เล่าเรื่องฮีต 12 คอง 14 หรือประเพณีประจำปีให้เราฟัง ทั้งประเพณีวันสารทพวน, ตักบาตรพระร้อย (ตักบาตรเทโวรหณะ), ประเพณีบุญข้าวจี่ และศรัทธาธรรมเทศน์มหาชาติ เป็นต้น นี่คือความน่ารัก และความจริงใจของชุมชนไทยพวนปากพลีที่ผมลืมไม่ลงเลยครับ

ก่อนกลับ กทม. ผมหยุดพักที่อำเภอปากพลี แวะ ‘ร้านขนมไทยป้าแจ๋วแหว๋ว’ นั่งชิมขนมชั้นขึ้นชื่อ ขนมหม้อแกงแสนอร่อย และซื้อขนมทองเอก เสน่ห์จัน กับตะโก้ กลับไปฝากคนที่บ้านด้วย

ไม่รู้สินะ นี่แค่ 2 วัน 1 คืน ยังเที่ยวกันเยอะขนาดนี้ ผมแน่ใจเลยว่า ‘นครนายก’ จะต้องมีอะไรเด็ดๆ ให้ค้นหาอีกชัวร์ ได้เวลาขับรถกลับบ้านแล้ว ทั้งเหนื่อย ทั้งสนุก และสัญญากับตัวเองเลยว่าจะกลับมาเยือน ‘นครนายก’ อีกหลายๆ ยกเลยละครับ ฮาฮาฮา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: 

ททท. สำนักงานนครนายก (ดูแลพื้นที่นครนายก-ปราจีนบุรี-สระแก้ว) โทร. 0-3731-2282, 0-3731-2284

ล่องเรือยางเขื่อนขุนด่านปราการชล ติดต่อ สาริกา แอดเวนเจอร์ พอยท์ โทร. 06-1693-4929, 08-5374-2496

ทำกิจกรรมผจญภัย โรงเรียนนายร้อย จปร. เขาชะโงก โทร. 0-2241-2691-4, 0-3739-3185

ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมไทยพวน ปากพลี โทร. 0-3739-8457, 09-2757-9377, 09-0007-1061