เที่ยวภาคตะวันออกแบบจัดเต็ม พัทยา – เกาะช้าง – จันทบุรี – ระยอง 4 วัน 3 คืน

ซัมเมอร์ร้อนๆ แบบนี้หลายคนคงกำลังวางแผนทริปดีๆ เพื่อเที่ยวดับร้อนกันอย่างแน่นอน

และสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของไทยคงหนีไม่พ้นทะเลภาคตะวันออก

เพราะนอกจากจะมีทะเลให้นักท่องเที่ยวแบบชาวเราได้เลือกเที่ยวแล้ว

ภาคตะวันออกก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย

ว่าแต่จะมีที่ไหนน่าสนใจบ้างตามพวกเราไปสนุกกับทริปเที่ยวภาคตะวันออกกันเลยดีกว่า

Day 1

เราออกเดินทางไปยังจุดหมายแรกของทริปนั่นคือ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งถือเป็นเมืองที่รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้ได้เลือกรีแล็กซ์ตั้งแต่เช้ายันค่ำ และที่สำคัญยังเดินทางสะดวกใช้เวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น

สำหรับสถานที่แรกที่เราไปถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของเมืองพัทยานั่นคือ ‘Frost Magical Ice of Siam’ อาณาจักรน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในพัทยา

ที่นี่มีอุณหภูมิที่หนาวเย็น -10 องศา สร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยผลงานประติมากรรมน้ำแข็งแกะสลักโดยฝีมือคนไทย โดยผลงานแต่ละชิ้นถูกถ่ายทอดผ่านตัวละครในวรรณคดีของไทย และศิลปะวัฒนธรรมของไทยที่ทำพวกเราทึ่งในความสวยงามประณีตแบบสุดๆ

ภายใน Frost Magical Ice of Siam จะแบ่งสองโซนหลักๆ คือ Zone The Himmapan เป็นประติมากรรมทรายขาวสุดยิ่งใหญ่อลังการ  มีการเล่าเรื่องราวของป่าหิมพานต์ผ่านสัตว์และพืชพรรณแปลกๆ ซึ่งเราขอคอนเฟิร์มว่าฝีมือคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ

อีกหนึ่งโซนคือ Zone Siam Heaven โดมน้ำแข็งขนาดใหญ่ -10 องศา ที่มีงานแกะสลักน้ำแข็งเป็นรูปทรงต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป พร้อมทั้งมีบาร์น้ำแข็งที่เสิร์ฟเครื่องดื่มเย็นๆ ในแก้วน้ำแข็งแกะสลักให้ความรู้เหมือนเป็นชาวเอสกิโมมากๆ เรียกได้ว่าหนาวเย็นสุดขั้วหัวใจเลยจริงๆ

โดยโซนนี้เราขอแนะนำว่าต้องใส่เสื้อกันหนาวหนาๆ พร้อมถุงถือ และรองเท้าผ้าใบอย่างมิดชิด ถ้าหากเครื่องแต่งกายไม่พร้อมทางเจ้าหน้าที่ก็มีให้เช่าด้วยนะ

และถ้าหากนักท่องเที่ยวคนไหนอยากมาดับร้อนท่ามกลางอุณหภูมิติดลบแบบนี้ก็เที่ยวกันได้ โดย Frost Magical Ice of Siam ตั้งอยู่เส้นแยกกระทิงลาย (พัทยา-ระยอง) ตรงข้ามโรงเรียนนานาชาติรีเจนท์ เปิดตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00 น. หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 06 3669 4559 และ facebook.com/frostpattaya

เที่ยวกันแบบหนาวสุดขั้วกันแล้วก็ไปสนุกกันต่อที่ ‘Art in Paradise’ พิพิธภัณฑ์รูปภาพสามมิติแห่งแรกของประเทศไทย

เพลิดเพลินและตระการตาไปกับผลงานศิลปะสวยๆ ที่ถูกรังสรรค์โดยจิตรกรชาวเกาหลีทั้ง 12 ท่าน ซึ่งเป็นผู้ที่มีความสามารถในการสร้างรูปภาพสามมิติ ภาพลวงตาอันน่าทึ่ง ถือเป็นการเอาใจผู้ที่ชื่นชอบศิลปะและถ่ายรูปจริงๆ

เพราะที่นี่มีภาพสามมิติสวยๆ ให้เราได้แชะอวดเพื่อนกันอย่างเพลิดเพลิน โดย Art in Paradise ตั้งอยู่ที่ ถ.พัทยาสาย2 เปิดตั้งแต่เวลา 09.00 – 21.00 น. หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร. 038 424500 และ www.artinparadise.co.th

เที่ยวเพลินๆ กันมาทั้งวันแล้วก็ได้เวลาอิ่มอร่อยกับเมนูอาหารทะเลมื้อพิเศษที่ ร้านลุงไสวซีฟู้ด ร้านอาหารทะเลชื่อดังริมชายหาดจอมเทียนซึ่งรับประกันความอร่อยมายาวนานกว่า 30 ปี มีเมนูอร่อยเด็ดมากมาย

สำหรับมื้อนี้เราได้ชิมทั้งกุ้งอบวุ้นเส้น ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ยำทะเลรวมมิตร ปลาสามรส ทะเลผัดฉ่า ฯลฯ ซึ่งขอบอกว่าแต่ละเมนูนั้นวัตถุดิบมีความสดสะอาดและอร่อยทุกจาน ใครที่สนใจอยากมาชิมก็แวะมากันได้ที่ร้านลุงไสวซีฟู้ด ตั้งอยู่ติดกับชายหาดจอมเทียน เปิดตั้งแต่ 10.00 – 22.00 น. หรือสอบถามได้ที่โทร. 038 231398 , 099 6265655 และ lungsawaiseafood.com

ปิดท้ายค่ำคืนแรกด้วยการไปชมการแสดงแสงสีเสียงสุดตระการตาและถือเป็นไฮไลท์เด็ดของเมืองพัทยาที่ Alcazar Cabaret Pattaya คณะคาบาเร่ต์โชว์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ

ชมโชว์สุดอลังการของเหล่าสาวงามที่มาวาดลวดลายออกสเต็ปกันอย่างมันส์หยด เรียกได้ว่าใครที่มาเที่ยวพัทยาต้องแวะมาเช็คอินที่นี่อย่างแน่นอน

Day 2

เราออกเดินทางจากพัทยาตั้งแต่เช้าเพื่อไปยัง เกาะช้าง จ.ตราด ซึ่งมีระยะทางห่างกันประมาณ 270 กม. ซึ่งถ้าหากจะข้ามไปยังเกาะช้างก็มีบริการเรือขนส่งข้ามฟากที่สามารถนำรถขึ้นไปได้ไว้คอยบริการที่ท่าเรือ

สำหรับเกาะช้างแห่งนี้ถือเป็นเกาะสวรรค์แห่งทะเลตะวันออกและเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลตะวันออก เป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ครอบคลุมพื้นที่หมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 40 เกาะ อยู่ห่างจากฝั่ง อ.แหลมงอบ ประมาณ 8 กม.

พื้นที่ส่วนใหญ่บนเกาะช้างเป็นภูเขาจึงทำให้มีจุดชมวิวมากมาย อาทิ เขาสลักเพชร ที่สูงประมาณ 740 เมตร และยังมีเขาล้าน เขาจอมปราสาท เขาคลองมะยม

นอกจากจะมีทะเลที่สวยงามแล้ว ที่เกาะช้างยังมีสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์และเป็นต้นน้ำลำธารหลายสาย และที่สำคัญยังมีชายหาดสวยๆ ให้ได้เดินทอดน่องกันอย่างหาดทรายขาว หาดคลองพร้าว หาดไก่แบ้ อ่าวคลองสน อ่าวใบลาน หาดบางเบ้า น้ำตกธารมะยม ฯลฯ เรียกได้ว่าแค่มาเที่ยวที่เกาะช้างก็คุ้มค่าแบบสุดๆ

สำหรับที่พักบนเกาะช้างในทริปนี้เราพักกันที่ The Emerald Cove Kohchang (เดอะ เอมเมอรัลด์ โคฟ เกาะช้าง) รีสอร์ทบนเกาะช้างระดับห้าดาว ตั้งอยู่บนหาดคลองพร้าว มีห้องพักสุดหรูและห้องสูท 165 ห้อง

โดยทุกห้องสามารถชมวิวทางทะเลได้อย่างสวยงามชัดเจน ภายในห้องพักมีการตกแต่งในสไตล์ไทยทันสมัยสบายตา พร้อมทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบครบครัน นอกจากนี้ยังมีบริการสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ห้องอาหาร ห้องนวดสปา กิจกรรมล่องเรือคายัค ฯลฯ

นักท่องเที่ยวท่านใดที่สนใจอยากพักรีสอร์ทสุดหรูแห่งนี้ก็สามารถมาพักกันได้ที่เดอะ เอมเมอรัลด์ โคฟ เกาะช้าง ตั้งอยู่ที่หาดคลองพร้าว ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด หมายเลขโทรศัพท์ 039 552000 และ www.emeraldcovekohchang.com

มาถึงเกาะช้างทั้งทีก็ไม่พลาดที่จะแวะไปลิ้มลองเมนูอาหารทะเลอร่อยๆ พร้อมบรรยากาศริมทะเลสวยๆ กันที่ ร้านภู-ทะเล ซีฟู้ด ร้านอาหารบรรยากาศดีสไตล์ย้อนยุคที่โดดเด่นด้วยสีฟ้า-ขาว มีมุมให้เลือกนั่งหลากหลาย รวมทั้งเมนูอาหารก็อร่อยเด็ดลงตัวเข้ากันดีกับบรรยากาศริมทะเล

สำหรับเมนูที่เราได้ชิมกันนั้นจะมีทั้งหมึกทอดกระเทียม แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย ปลากระพงนึ่งซีอิ๊ว ฯลฯ

ขอบอกว่าอร่อยทุกเมนูจนอดใจไม่ไหวเลยจริงๆ ใครที่มาเที่ยวเกาะช้าง แล้วอยากหาร้านอาหารทะเลอร่อยๆ กินกันก็สามารถแวะมากันได้ที่ร้านภู-ทะเล ซีฟู้ด ตั้งอยู่ที่หาดคลองพร้าว เลียบชายหาดเกาะช้าง เปิดตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น. หมายเลขโทรศัพท์ 039 551300 , 08 1863 9213

Day 3

ออกเดินทางจากเกาะช้างไปยัง หาดทรายดำ ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่บ้านบ้านกลาง ต.แหลมงอบ อ.แหลมงอบ จ.ตราด อยู่ในพื้นที่ของป่ามะขาม ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติ

หาดทรายดำอยู่ปะปนกับต้นไม้ของป่าชายเลนและมีสัตว์มากมายทั้งนก ปูแสม หอยต่างๆ  ฯลฯ ทำให้พื้นที่เหล่านี้มีความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพสูง

โดยหาดทรายดำมีลักษณะเป็นสันทรายทอดยาวกว่า 1 กม. ตลอดแนวเต็มไปด้วยเม็ดทรายสีดำนิลละเอียด ถือเป็นความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและพบได้เพียง 5 แห่งทั่วโลกเท่านั้นคือ ไต้หวัน มาเลเซีย ฮาวาย ตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย และ จ.ตราด

นอกจากจะมีความมหัศจรรย์และสวยงามแล้ว ที่หาดทรายดำแห่งนี้ชาวบ้านยังได้จัดโซนให้สำหรับนักท่องเที่ยวได้แช่เท้าลงไปยังทรายสีดำ เพราะเชื่อว่าแร่ธาตุในทรายจะช่วยดูดซึมสารพิษและรักษาโรคได้

จากนั้นช่วงกลางวันเราก็ไปกินอาหารอร่อยๆ พร้อมนั่งดูเหยี่ยวกันที่ ร้านฅนพลัดถิ่น ร้านอาหารสไตล์บ้านๆ ที่ขอบอกว่ารสชาติและบรรยากาศดีดีจนเราอยากแนะนำ

ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ ต.หนองคันทรง อ.เมือง จ.ตราด บรรยากาศโดยรอบของร้านถูกปกคลุมด้วยพรรณไม้ต่างๆ สัมผัสได้ถึงความร่มรื่นและเย็นสบาย ภายในร้านมีมุมให้เลือกนั่งทั้งแบบกระต๊อบและแพริมน้ำ และอาหารที่เราขอคอนเฟิร์มว่าอร่อยสุดๆ จะมีทั้งทะเลผัดฉ่า กั้งทอดกระเทียม ต้มยำกุ้งน้ำข้น ปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว ฯลฯ และยังมีเมนูอร่อยๆ อีกมากมาย

นอกจากนี้ยังมีเหยี่ยวคอแดงหลายสิบตัวที่บินโฉบไปมาเพื่อมากินอาหารที่ทางร้านจัดเตรียมไว้ให้อีกด้วย โดยร้านเปิดตั้งแต่เวลา 08.00 – 20.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 039 542431 , 08 7135 7423

จากนั้นเราก็ไปชมความสวยงามและยิ่งใหญ่อลังการผ่านงานสถาปัตยกรรมชั้นครูที่ อาสนวิหารพระแม่มารีปฏิสนธินิรมล โบสถ์นิกายโรมันคาทอลิคหนึ่งเดียวใน จ.จันทบุรี ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์

ในส่วนของสถาปัตยกรรมเป็นแบบตะวันตกสไตล์โกธิค มียอดหลังคาแหลมสูง ภายในมีการตกแต่งด้วยกระจกสีที่เรียกว่า สเตนกลาส เป็นภาพนักบุญต่างๆ ที่มีความสวยสดงดงามเป็นอย่างมาก ส่วนด้านหน้าของโบสถ์ก็จะมีรูปปั้นพระแม่มารีขนาดใหญ่ที่ตั้งเด่นตระหง่าน ถือเป็นวัดคาทอลิคที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด

Day 4

ทริปเที่ยวภาคตะวันออกในวันสุดท้ายนี้เราปิดทริปด้วยการไปชมความสวยงามของ ทุ่งโปรงทอง ป่าชายเลนขนาดใหญ่ที่สุดในระยอง

มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 6,000 ไร่ เป็นสถานที่เชิงอนุรักษ์ในพื้นที่ปากน้ำประแสร์ มีสะพานไม้เป็นทางเดินเพื่อศึกษาธรรมชาติของป่าชายเลน โดยทอดตัวลอยเหนือป่าโกงกางระยะกว่า 1 กม. ให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่เหนือยอดไม้และน้ำทะเล

แมกไม้ยามถูกแสดงแดดส่องกระทบมีความคล้ายกับทุ่งสีทองสมชื่อทุ่งโปรงทอง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวหลายคนให้ความสนใจ จนต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันมากมาย

และยังมีชุมชนปากน้ำประแสร์ที่เป็นชุมชนโบราณริมแม่น้ำดั้งเดิมตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยสภาพบ้านเรือเก่าๆ นั้นยังคงมีเหลืออยู่พอสมควร เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรมโบราณของเมืองท่าที่สำคัญฝั่งทะเลตะวันออก และยังมีที่พักแบบโฮมสเตย์ไว้คอยบริการอีกด้วย

เรียกได้ว่าทริปนี้นอกจากจะได้รีแล็กซ์ร่างกายแล้ว เรายังได้รู้จักสถานที่ท่องเที่ยวของที่น่าสนใจของภาคตะวันออกอีกด้วย

นักท่องเที่ยวท่านใดที่กำลังวางแพลนจัดทริปเที่ยวช่วงซัมเมอร์นี้ก็ลองแวะมาเที่ยวจังหวัดทางภาคตะวันออกกันดูนะ แล้วจะรู้ว่าสีสันแห่งตะวันออกที่แท้จริงอยู่ใกล้แค่เอื้อมเอง