เที่ยวเส้นทางตามรอยพระบาทในหลวง รัชกาลที่ 9 ระยอง-จันทบุรี เลียบริมฝั่งทะเลเฉลิมบูรพาชลทิต

เดินทางตามรอยพ่อไปยังสถานที่ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จบนเส้นทางถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ถนนเลียบชายฝั่งที่สวยที่สุดในภาคตะวันออก ท่องเที่ยวเรียนรู้ที่ “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” จ.จันทบุรี สักการะขอพรที่ “ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์” ต.ปากน้ำประแส จ.ระยอง พร้อมเที่ยวท่องชมโปรงทองและเรือรบหลวงประแส

เส้นทางตามรอยพระบาทในหลวงรัชกาลที่ 9 บนถนนสายเลียบชายทะเลที่สวยที่สุดในประเทศไทย “ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต” จากระยองสู่จันทบุรี เริ่มต้นที่ เรือรบประแส ภารกิจของเรือรบหลวงประแสเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2495 ปฏิบัติภารกิจทางยุทธการรวม 32 ครั้ง นาน 2 ปีเศษ ก่อนเดินทางกลับสู่ไทยจนกระทั่งปลดระวางเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2543

“ให้โปรงทอง โอบกอดเรา” นิยามสั้น ง่าย ได้ใจความในการอธิบายเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ทุ่งโปรงทองที่ที่สีเขียวอ่อนสลับแก่ สะท้อนตาทุกครั้งที่ต้องแสงแดดยามเย็นเป็นประกายสีทอง ระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร ของเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ทุ่งโปรงทองนี้ นอกจากจะเป็นไปเพื่อการช่วยส่งเสริมการทองเที่ยวแล้ว ยังเป็นไปเพื่อการอนุรักษ์ป่าชายเลนอีกด้วย

เลี้ยวรถกลับไปนัดที่ สะพานรักษ์แสม สะพาน 100 เมตร ที่ธรรมด๊าธรรมดาสำหรับสะพานแขวนไม้แห่งหนึ่งบนโลกสิ่งพิเศษที่ “รักแสม” แตกต่างจากสะพานทั่วไปคือมันเป็นสะพานที่รักษาสมดุลชีวิตของผืนป่าชายเลนเหนือคลองท่าตาโบ๊ย บ้านเนินฆ้อ อำเภอแกลง ที่เป็นทั้งแหล่งอนุรักษ์และเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ มีธนาคารที่ไม่ได้รับฝากเงิน หากแต่รับฝากแม่ปูแสมและให้ดอกเบี้ยเป็นเหล่าลูกปูนับแสน นี่คือความงามที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติรอให้ผู้คนแง้มใจออกไปพบ

จากนั้นเดินทางเข้าสู่จันทบุรีตามเส้นทางเฉลิมบูรพาชลทิตจนพบกับ วงเวียนปลาโลมา เสมือนจุดเชื่อมต่อระหว่างระยองกับจันทบุรี ที่แรกที่เราจะไปคือ หาดคุ้งวิมาน แดนสวรรค์ของคนรักปลาหมึกแดดเดียวย่างตัวขาวจั๊วพร้อมน้ำจิ้มสูตรเด็ด ใกล้กันคือจุดชมวิวที่สวยที่สุดในจันทบุรี เนินนางพญา หากไม่ได้มาเยือนก็เหมือนยังมาไม่ถึงจันทบุรี

โยกย้ายจากจุดชมวิวไปสู่ย่านชายหาดยอดนิยมมีวงเวียนปลาพะยูน สัญลักษณ์เด่นสำคัญ สถานที่แรกคือ อ่าวคุ้งกระเบน

ที่นี่เป็นอีกหนึ่ง “เส้นทางศึกษาธรรมชาติ” ที่ทอดตัวอยู่ในเขตป่าเลนพื้นที่กว่า 200 ไร่ ดำเนินการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9

นอกจากเพื่อเป็นการฟื้นฟูและจัดการทรัพยากรชายฝั่งอย่างยั่งยืนแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางในการอบรมเผยแพร่ความรู้ที่ได้จากการศึกษาวิจัย นำไปพัฒนาด้านการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอีกด้วย

นอกจากนี้ในเขตพื้นที่ของอ่าวคุ้งกระเบนยังมี กระชังปลา มีสัตว์น้ำนานาพันธุ์ อาทิ ปลาฉลามเสือดาว, ปลาหมอทะเล, ปลาฉลามหัวบาตร, เต่าตนุ, เต่ากระ, ปลากะพงขาว ฯลฯ

ไปต่อกันที่ “หาดตื้น คลื่นสวย น้ำใส ทรายขาว” ชายหาดเจ้าหลาว เป็นที่รู้จักและอยู่คู่กับการท่องเที่ยวในจันทบุรีมายาวนาน ชายหาดที่ทอดตัวขนานไปกับถนนเฉลิมบูรพาชลทิตพาเราหลงใหลไปกับเกลียวคลื่นและเสียงซัดสาดฝั่ง นี่คือสถานที่พักผ่อนสายตา พักผ่อนหัวใจที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในจันทบุรี

จากนั้นวิ่งไปทางทิศตะวันออกราว 8 กิโลเมตร มุ่งหน้าสู่ แหลมสิงห์ ระหว่างทางคดเคี้ยวขึ้นลงเนินน้อยใหญ่ เราจะสังเกตเห็นป้าย เขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน ที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ตลอดทั้งปี ไฮไลท์เด็ดที่เมื่อมาแล้วไม่ควรพลาดก็คือ จุดชมวิวหินสีชมพู แลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชนชาติไหน วัยใด ก็ล้วนอยากมาสัมผัสบรรยากาศความแปลกใหม่นี้

ออกจากเขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน วิ่งตรงมาเรื่อยๆ บนถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ผ่านสองสะพานที่สวยกันคนละแบบคือ สะพานปากน้ำแขมหนู และ สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (สะพานแหลมสิงห์)

แวะหาอาหารทะเลอร่อยๆ และราคาไม่แพงที่ ชายหาดแหลมสิงห์ ไปเดินรับลมทะเล นอนฟังเสียงคลื่นใต้ทิวสนที่เรียงรายตลอดแนวชายหาด เมื่ออิ่มท้องเรียบร้อยก็ไปหาความบันเทิงแก้ง่วงที่ โอเอซิส ซีเวิลด์

ที่นี่นอกจากจะเป็นสถานที่เพาะพันธุ์ปลาโลมาแล้ว ยังมีการแสดงโลมา 2 สายพันธุ์ไทย นั่นก็คือ โลมาปากขวดหรือโลมาสีชมพู และโลมาหัวบาตรหรือโลมาอิระวดี และยังสามารถลงเล่นน้ำกับปลาโลมาได้ด้วย จับได้ สัมผัสได้ ชนิดที่เรียกว่า “เนื้อแนบเนื้อ” กันเลยทีเดียว

สุดสัปดาห์นี้ หากยังไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวไหนอยู่ในใจ ลองมาเที่ยวเส้นทางตามรอยพระบาทที่ถนนเฉลิมบูรพาชลทิตกันได้นะครับ