ยิ่งไปยิ่งสนุก “ชลบุรี-พัทยา” เที่ยววันหยุด ปักหมุดสุดชิลล์

ชาธร โชคภัทระ : เรื่องและภาพ

“เที่ยวชลบุรีสะดวกดีทางใกล้ คลื่นลมหาดทรายแสนรื่นรมย์ สัตหีบ ศรีราชา พัทยา อ่าวอุดม ผาแดง พนัสนิคม สมใจ…”

เสียงบทเพลงเก่าจากวิทยุดังขับกล่อมผม ขณะขับรถยนต์ผ่านถนนมอเตอร์เวย์มุ่งหน้าสู่ ‘ชลบุรี’ จังหวัดที่ผมคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก เพราะได้ไปเที่ยวเล่นน้ำทะเลแถวบางแสน พัทยา จอมเทียน สัตหีบ อยู่บ่อยๆ

เมื่อฟังเพลงนี้จึงมโนเห็นภาพได้ชัดเจน ทั้งทิวมะพร้าวโอนเอนเคียงคู่หาดทรายสีน้ำตาลอ่อน ที่มีคลื่นสาดซัดเข้ามาคลอเคลีย เป็นบรรยากาศอันแสนโรแมนติกซะจริงๆ ชื่อของ ‘ชลบุรี’ จึงอยู่ในใจผมเสมอมา อีกทั้งยังเป็น ‘ทะเลใกล้กรุง’ ที่ขับรถแค่สองชั่วโมงก็ไปนอนตีพุงอยู่ริมหาดได้แล้ว นี่ล่ะ ‘ชลบุรี’ สุดเจ๋งของผม

เที่ยวชลบุรีทริปนี้แบบชิลๆ ขับรถตระเวนเที่ยว แวะกินแวะพักไปเรื่อยๆ สบายๆ ใช้เวลา 2 วัน 1 คืนกำลังดี เพราะผมมีเวลาน้อย ลางานไม่ค่อยได้ เลยต้องไปเที่ยวกันเสาร์-อาทิตย์นี่ล่ะ วันแรกขอพาตัวและหัวใจไปสัมผัสมุมมองใหม่ของชลบุรี กับการท่องเที่ยวโดยชุมชน หรือ CBT (Community-based Tourism) ที่กำลังบูมมากขณะนี้

บ้านร้อยเสา ชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย

สองชุมชนเด่นระดับแนวหน้าที่ได้ไปสัมผัสคือ ‘ชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย’ และ ‘ตลาดจีนชากแง้ว’ ทั้งสองแห่งอยู่ในอำเภอบางละมุง อันเป็นย่านเก่าแก่ที่มีผู้คนอาศัยมานานแล้ว โดยเฉพาะชาวจีนที่อพยพเข้ามาเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ทุกวันนี้จึงมีแง่มุมน่าสนุกมากมายให้ไปค้นกัน

‘ชุมชนตะเคียนเตี้ย’ ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน แต่ก็ดังติดลมบนด้วยกระแสโซเชียล เพราะผู้คนอยากไปสัมผัสความเรียบง่าย ความน่ารัก ของชุมชนที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตและวัฒนธรรม เหมือนการนั่งแคปซูลเวลาย้อนกลับไปดูวิถีชีวิต ของคนเมืองชลในอดีตว่าเขากินอยู่กันอย่างไร

ศูนย์กลางชุมชนอยู่ที่บ้านร้อยเสา หรือบ้านเรือนไทยแฝด ของพี่วันดี ซึ่งเป็นเรือนไม้สองหลังติดกันตามแบบไทยโบราณ บนบ้านเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงข้าวของเก่าๆ ย้อนยุคเหมือนพิพิธภัณฑ์แห่งชีวิต เช่น ผ้าทอโบราณ กระดานชนวนโบราณ และสมุดข่อยที่เจ้าของเดิมจดบันทึกสูตรยาโบราณเอาไว้

รอบเรือนไทยแฝดร่มรื่นด้วยแมกไม้ และพืชผักสมุนไพรนานาชนิด เหมือนมีซุปเปอร์มาเก็ตอยู่ข้างบ้าน ทำครัวแต่ละครั้งจึงแทบไม่ต้องเสียตังค์ซื้อ เมนูเด็ดที่ชาวชุมชนตะเคียนเตี้ยภูมิใจทำไว้ให้ชิมคือ ‘ไก่กรุบกะลา’ ผัดรวมกันมารสชาติออกเผ็ดๆ กำลังดี

ที่ชุมชนตะเคียนเตี้ยยังมีลานวัฒนธรรมสำหรับศิลปะ DIY ให้เราทดลองทำกันด้วย คือการตัดกระดาษแก้วสีเป็นพวงมะโหตร ซึ่งคนไทยสมัยก่อนจะตัดพวงมะโหตรเป็นเหมือนโคมระย้าทรงต่างๆ ใหญ่บ้างเล็กบ้าง ไปประดับตามหน้าบ้านในงานมงคลหรืองานวัด เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษกัน

การลองทำกิจกรรมนี้ จึงเป็นการซึมซับและอนุรักษ์วิถีไทยที่กำลังจะเลือนหาย

และถ้าเกิดรู้สึกเมื่อยขึ้นมา ชาวบ้านเขาก็มีบริการ ‘นวดกัวซา’ โดยใช้เขาสัตว์นวดไปตามผิวหนัง จะทำให้เรารู้สึกสบายหายเมื่อยเลยล่ะ แต่เสียดายไม่ได้นอนโฮมสเตย์บ้านตะเคียนเตี้ย เพราะผมยังมีภาระกิจหนีไปเที่ยวที่อื่นต่ออีก ฮาฮาฮา

ยามบ่ายวันเสาแดดร่มลมตกอย่างนี้ ไม่มีอะไรดีกว่าการไปเที่ยวที่ ‘ตลาดจีนบ้านชากแง้ว’ ชุมชนชาวจีนแต้จิ๋วที่อยู่กันมา 100 กว่าปีแล้ว ในลักษณะของเรือนไม้เป็นแถวเรียงชิดติดกันแบบตลาดจีน โดยมีอยู่กว่า 300 หลัง ทั้งแบบชั้นเดียวและสองชั้น

เล่ากันว่าในอดีตบ้านชากแง้วการค้าคึกคักมาก เพราะมีโรงโม่แป้ง มีวิกหนัง ศาลเจ้าแม่ทับทิม และร้านค้านานาชนิด กระทั่งเมืองพัทยาเริ่มเติบโตขึ้น ความเจริญจึงย้ายไปอยู่ที่นั่นแทน ตลาดบ้านชากแง้วจึงปิดตัวไปในที่สุด

แต่โชคดีที่ได้รับการฟื้นคืนชีวิตขึ้นอีกครั้งเมื่อสองสามปีก่อน ทำให้ลูกหลานที่ไปทำงานไกลบ้าน เริ่มกลับสู่ชุมชนเพื่อทำตลาดในวันเสาร์ต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งต้องบอกเลยว่าแน่นเอี๊ยด เดินเบียดกันเลยเชียว

ตลาดจีนบ้านชากแง้วจัดในลักษณะของถนนคนเดิน เริ่มต้นจากวิกหนังเก่าที่มีรูปวาด คุณมิตร ชัยบัญชา พระเอกหนังดังในอดีต แต่งชุดที่แสดงในหนังเรื่องอินทรีย์แดง ให้เราไปถ่ายภาพคู่ด้วย จากจุดนี้เดินเที่ยวตรงเข้าไปกลางชุมชนชากแง้ว ที่มีเรือนไม้สองชั้นเคียงขนาบสองข้าง บรรยกาศคึกคัก ได้ชมสถาปัตยกรรมบ้านเรือนเก่าที่มีประตูบานเฟี้ยม แวะชิมอาหารพื้นถิ่นกันไปนับร้อยเมนูแทบไม่ได้หยุดเลย

ขอบอกว่ามาถึงชากแง้วแล้วไม่ต้องกลัวอ้อน แนะนำให้ขยายเข็มขัดรอไว้เลย เพราะของกินคาวหวานที่ขายอยู่สองฟากฝั่งจะยั่วน้ำลายเราจนต้องหยุดกิน หยุดซื้อ กันตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นกระเพาะปลาโบราณ, ก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋น, กวยจั๊บ, ข้าวขาหมู, ลูกชิ้นทอด, ยำต่างๆ, เฉาก๊วยชาเย็น, ขนมครก, ขนมไทยโบราณ, ฮ่อยจ๊อปู, ก๋วยเตี๋ยวไก่, ทอดมันปลากราย, ขนมกุยช่าย ฯลฯ

แต่อย่ากินเพลิน เพราะที่นี่เขามีบ้านพิพิธภัณฑ์ให้เข้าไปแวะศึกษาประวัติของชุมชนด้วย นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้าแม่ทับทิม ซึ่งเป็นองค์เจ้าแม่ที่ชาวจีนบ้านชากแง้วเคารพศรัทธามาจนถึงปัจจุบัน และถ้าใครเดินเที่ยวอยู่จนถึงเย็นย่ำโพล้เพล้ ก็จะได้ชมโคมไฟจีนสีแดงที่ห้อยประดับอยู่เป็นราวเหนือถนน เปิดขึ้นประดับประดาสร้างสีสันเติมชีวิตชีวา เป็นภาพที่น่าประทับใจจริงๆ เลยนะ

เที่ยวชุมชนกันจนอิ่มแปล้แล้ว ถึงคิวไปสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวของเอกชนกันบ้าง ขอบอกว่าไม่ธรรมดา เพราะดังระดับโลก ไม่ใช่อื่นใดนอกจาก ‘สวนนงนุชพัทยา’ นั่นเอง ที่นี่เปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 มีเนื้อที่กว่า 1,700 ไร่ และประกอบด้วยสวนพรรณไม้ต่างๆ กว่า 50 สวนสวย จนได้รับการยกย่องจากเว็บไซต์ทั่วโลกว่า

สวนนงนุชเป็น 1 ใน 10 สวนสวยที่สุดในโลก ว้าว! แต่เชื่อหรือไม่ว่า ความยิ่งใหญ่ในวันนี้เกิดขึ้นจากคุณพิสิฐและคุณนงนุช ตันสัจจา ผู้มีใจรักในพรรณไม้ได้ซื้อที่ดินเพื่อปลูกผลไม้ แล้วค่อยๆ ขยายจนกลายเป็นสวนนงนุชที่มีพืชพรรณเมืองร้อนกว่า 18,000 ชนิด จัดแสดงให้ชมในวันนี้

โรงเรือนจัดแสดงพรรณไม้เด่นๆ ของสวนนงนุชมีให้ชมกันทั้งวันไม่เบื่อ ไม่ว่าจะเป็นสวนป่าหิน, สวนกล้วยไม้, สวนลีลาวดี, สวนคัดเค้า, สวนบัว, สวนแมกโนเลีย, หุบเขาไดโนเสาร์, สวนฝรั่งเศส, สวนอิตาลี, สวนหินสโตนเฮนจ์, สวนสับปะรดสี และสวนช้างแมมมอธ เป็นต้น

ทั้งหมดสร้างความตื่นตาตื่นใจทุกครั้งที่เห็น เพราะมีขนาดกว้างขวาง จัดแต่งอย่างดี จึงเป็นเหมือนสวรรค์ของคนรักต้นไม้ดอกไม้จริงๆ ทว่าที่สร้างชื่อเสียงให้สวนนงนุชมากที่สุดคือ สวนปรง สวนปาล์ม และสวนเค็กตัส (กระบองเพชร) ซึ่งว่ากันว่ารวบรวมสายพันธุ์ของพวกมันไว้มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก!

จากนั้นเรามุ่งหน้าไปเยือนแหล่งท่องเที่ยววิถีเกษตรอินทรีย์อันโด่งดัง คือ ‘อะลาคอมปาณ์’ ซึ่งนอกจากจะได้สนุกกับกิจกรรมเชิง Agro-Tourism เก๋ที่เขาจัดไว้ให้ทำแล้ว ยังมีอาหารอร่อย และมีสวนสวยจัดไว้อย่างร่มรื่นน่าพักผ่อนกันทั้งครอบครัว

โดยเขามีแนวคิดบรรเจิด สร้างอะลาคอมปาณ์ให้คล้ายบ้านในชนบทแถบยุโรป

เห็นชัดได้จากสถาปัตยกรรมการสร้างบ้าน ซึ่งแต่ละหลังทำหน้าที่ต่างกันไป อย่างเช่น โบสถ์ที่เป็นร้านส้มตำวิลเลจ,​ บ้านบาทหลวงที่เป็นร้านไวน์ และบ้านของคนที่เป็นร้านชา Tea Factory and Me เป็นต้น

เรียกว่ามาที่นี่เราจะกดชัตเตอร์ถ่ายภาพกัน แทบตลอดเวลา ด้วยความสวย และเสน่ห์ของสถานที่อันงดงามด้วยอ้อมกอดของธรรมชาติ

อะลาคอมปาณ์ยังมีลานคนเมืองที่ใช้เป็นแหล่งนัดพบทำกิจกรรมออกร้านต่างๆ มากมาย มีการนำพืชผักผลไม้ออร์แกนิกมาขาย รวมถึงงานแฮนด์เมตเก๋ๆ ก็มีเพียบ ส่วนกิจกรรมเชิง Agro-Tourism ที่เราสามารถทำร่วมกันได้ทั้งครอบครัวก็มีตั้งแต่ช่วยกันเก็บไข่ไก่ออร์แกนิก จากแม่ไก่อารมณ์ดี เพราะเลี้ยงแบบปล่อยให้วิ่งเล่นไปมาอย่างอิสระ

เสร็จแล้วไปช่วยกันเก็บผักออร์แกนิกมาทำสลัดกินกัน จากนั้นก็ไปป้อนหญ้าม้า ต่อด้วยการทดลองปลูกผักด้วยตัวเอง หรือจะไปฟังความรู้เรื่องชา แล้วก็นั่งดื่มชากับขนมเค้กโฮมเมตก็ได้ นี่สิ ความสุขเล็กๆ ที่ทุกคนในครอบครัวมาจอยมาแจมกันได้อย่างแท้จริง

เย็นย่ำมากแล้ว พระอาทิตย์คล้อยแสงต่ำลงทุกทีๆ ได้เวลาบอกลา ‘ชลบุรี’ ดินแดนสุขีแห่งทิศบูรพา แต่จะให้ธรรมดาได้ไง เพราะตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ในเรือยอร์ชนำเที่ยวสุดหรู ลอยลำอยู่หน้าหาดพัทยาเพื่อชมพระอาทิตย์อัสดงลงกลางทะเล ว้าว!

เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมพิเศษ ที่ผมมอบเป็นของขวัญให้ตัวเองและครอบครัว เรือยอร์ชสีขาวลำใหญ่ลดใบทอดสมอ ปล่อยให้เราชื่นชมแสงสุดท้ายของวัน พลางจิบเครื่องดื่มเย็นฉ่ำที่ลูกเรือนำมาเสิร์ฟ ลมทะเลพัดโชยชื่นใจ

แล้วผมจะกลับมาใหม่นะ ‘ชลบุรี’ สีสันแห่งตะวันออกที่ผมไม่เคยลืม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:

ททท. สำนักงานชลบุรี โทร. 0-3842-7667, 0-3842-8750, 0-3842-3990

ชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย โทร. 09-8412-1712, 08-1886-2086

ตลาดจีนชากแง้ว โทร. 08-9002-5781

สวนนงนุชพัทยา โทร. 0-3823-8061-63, 0-3841-5145, 08-7488-0028, 06-1647-7088

เรือยอร์ช Blue Voyage โทร. 0-2281-6633, 08-6826-5656

อะลาคอมปาณย์พัทยา โทร. 09-1783-8772