10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตสมุทรปราการ เที่ยวใกล้ๆ สุขใจไม่น้อย

สมุทรปราการ เมืองที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับกรุงเทพฯมากๆ  ใกล้เสียจนบางครั้งเราก็หลงลืมไปว่า จริงๆแล้ว สมุทรปราการก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่น้อย 

ไม่ว่าจะเป็นทั้งวัดวาอาราม ประเพณีวัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่นี่ก็มีความหลากหลายไม่แพ้ที่ไหน ๆ สามารถจัดทริปท่องเที่ยวแบบ One day trip หรือจะไปพักค้างคืนสักคืนนึง  ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนไม่น้อยเลย

1.เมืองโบราณ สมุทรปราการ

เมืองโบราณ แหล่งท่องเที่ยวซึ่งอยู่คู่กับคนไทยมานานหลายสิบปี นั่นคือ เมืองโบราณ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2506 โดยนายเล็ก วิริยะพันธุ์ สร้างบนพื้นที่กว่า 800 ไร่ ถือเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวบรวมสถานที่สำคัญ ๆ จากทั่วทั้งประเทศมาไว้ที่นี่ ไล่ตั้งแต่พระที่นั่งสรรเพชญ, วัดภูมินทร์, ปราสาทเขาพระวิหาร, พระธาตุพนม, พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช, ขบวนเรือพระราชพิธี, เรือสำเภา ฯลฯ โดยทุกแห่งจะจัดแบ่งไว้ตามภูมิภาคอย่างดี เพื่อความต่อเนื่องในการเที่ยวชม

นักท่องเที่ยวสามารถเลือกวิธีการเที่ยวชมได้ทั้ง  จักรยาน รถราง รถกอล์ฟ หรือจะนำรถยนต์เข้าไปเองก็ได้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนได้ชมความสวยงามและซาบซึ้งกับรากเหง้าของศิลปวัฒนธรรมไทย ราวกับว่าได้ไปเที่ยวทั่วทั้งประเทศภายในวันเดียว

โดยค่าเข้าชมก็ถือว่าสมเหตุสมผล โดยชาวไทย : ผู้ใหญ่ 350 บาท เด็ก 175 บาท / ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 700 บาท เด็ก 350 บาท (ราคานี้รวมจักรยาน, รถราง และนั่งเรือ เรียบร้อยแล้ว)  ถ้านำรถยนต์เข้า คิดราคาเพิ่มอีกคันละ 400 บาท

พิเศษ ถ้าเข้าชมหลังเวลา 16.00 น. ลดค่าเข้าชมทุกชนิด 50 %  คุ้มสุดๆเลยจ้า

ที่ตั้ง : 296/1 ถ.สุขุมวิท ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

เวลาเปิดปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-19.00 น.

โทรศัพท์ : 0 2709 1644-8

เว็บไซต์ : http://www.ancientcitygroup.net/ancientsiam/

2.ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

ตลาดน้ำบรรยากาศคลาสสิกใกล้กรุงเทพฯเกิดขึ้นจากความร่วมมือของอบต.บางน้ำผึ้งและชาวบ้านในชุมชนร่วมกันรื้อฟื้นวิถีชีวิตเก่าๆให้กลับคืนมาอีกครั้ง ด้วยการสร้างตลาดน้ำขึ้น เพื่อใช้เป็นสถานที่ขายผลผลิตของชุมชนและตำบลใกล้เคียง และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในชุมชนบางน้ำผึ้ง

ภายในตลาดน้ำเต็มไปด้วยเมนูของกินมากมายไม่ว่าจะเป็น ปลาทูซาเตี๊ยะ, ขนมครกหอยทอด , ปลาตะเพียนต้มเค็ม, แกงบอน, ทอดมันปลากราย รวมถึงผักผลไม้สดจากสวนของชาวบ้านบางน้ำผึ้งเอง ที่นำออกมาขายให้นักท่องเที่ยวในราคาย่อมเยา เช่น มะพร้าวอ่อน มะม่วงน้ำดอกไม้ เป็นต้น

ใครที่ชอบไหว้พระ ก็แวะเข้าไปไหว้พระทำบุญที่วัดบางน้ำผึ้งได้  ส่วนใครที่เป็นสายปั่น ที่นี่คือแหล่งปั่นจักรยานยอดนิยมอีกแห่งหนึ่ง เหมาะกับการมาปั่นเพื่อชมวิถีชีวิต ชมธรรมชาติ และสูดอากาศบริสุทธ์ที่คุ้งน้ำบางกระเจ้า ซึ่งถือเป็นปอดของชาวกรุงเทพฯอีกด้วย

ที่ตั้ง :  ต.บางน้ำผึ้ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวันเสาร์-วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น.

2654

3.ป้อมพระจุลจอมเกล้า

ป้อมพระจุลจอมเกล้า” หรือที่เรียกสั้นๆว่า “ป้อมพระจุล”  ที่นี่เป็นป้อมปราการทางน้ำ ตั้งอยู่ที่ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อป้องกันการรุกรานจากอังกฤษและฝรั่งเศส

บริเวณนี้เป็นชัยภูมิที่เหมาะสม เพราะตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา ถ้าหากมีเรือรบของข้าศึกบุกเข้ามาทางปากน้ำ สามารถดักโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ป้อมแห่งนี้สร้างเป็นป้อมปืนใหญ่ทันสมัยแบบตะวันตก และได้ติดตั้งปืนใหญ่อาร์มสตรอง ขนาด 155 มม. จำนวน 7 กระบอกเป็นอาวุธหลักของป้อม หรือมีชื่อเรียกอีกชื่อ ว่า “ปืนเสือหมอบ”  เพราะปืนนี้เป็นปืนที่มีความพิเศษคือจะใช้แรงถีบจากการยิงปืนในแต่ละครั้ง ทำให้ตัวปืนหมอบลงกลับมาอยู่ในหลุมยิง ซึ่งทำให้ข้าศึกสังเกตุและยิงสวนกลับมาได้ยาก ทำให้ป้อมนี้เป็นป้อมปราการที่ทันสมัยมากที่สุดในยุคนั้น

นอกจากนี้ภายในบริเวณของป้อมพระจุลฯ ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิเช่น พระบรมราชานุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งสร้างจากกระสุนปืนใหญ่ , พิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลอง ที่เป็นเรือรบที่ประจำการยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์กองทัพเรือไทย และเป็นเรือรบที่มีความเก่าแก่เป็นอันดับ 2 ของโลก ได้ผ่านการใช้งานในหน้าที่สำคัญหลายครั้ง เช่น เคยใช้เป็นเรือพระที่นั่งในรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9,  ร่วมรบในสงครามมหาเอเชียบูรพา และใช้เป็นเรือฝึกของทหารเรือจนได้ชื่อว่าเป็นเรือครูของราชนาวีไทย

ปัจจุบันกองทัพเรือได้ดำเนินการอนุรักษ์และปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์เรือรบไทย เพื่อให้กับเยาวชนคนรุ่นหลังได้มาศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์ ความกล้าหาญของบรรพบุรุษ ที่รักษาผืนแผ่นดินไทยให้อยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้

ที่ตั้ง : ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.

โทรศัพท์ : : 02 475 6109

4. สถานตากอากาศบางปู

สถานที่ทอดเที่ยวยอดฮิตของสมุทรปราการ ที่ฮิตติดลมบนมาตั้งแต่รุ่นพ่อ เป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศไทย เป็นแหล่งชมนกนางนวลอพยพที่ใหญ่ที่สุด นักท่องเที่ยวสามารถมาพักผ่อนหย่อนใจและเรียนรู้เรื่องราวของทะเลและป่าชายเลนได้

พ.ศ. 2480 จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นมีดำริให้สร้างสถานตากอากาศบางปูขึ้น ต่อมามีการสร้างสะพานชื่อ “สะพานสุขตา” ขึ้นมา โดยสะพานนี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของบางปู อีกทั้งในเวลาต่อมายังมีการสร้างอาคารขึ้นมาบริเวณปลายสะพาน ในชื่อ “ศาลาสุขใจ”

ภายในบริเวณพื้นที่ 639 ไร่ของสถานตากอากาศบางปู เต็มไปด้วยธรรมชาติอันสมบูรณ์ อาทิ เส้นทางเดินชมป่า ชมนก โดยมีจำนวนนกกว่า 200 ชนิดอาศัยอยู่ให้นักท่องเที่ยวได้ชมตลอดทั้งปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนกนางนวลจำนวนเป็นพันเป็นหมื่นตัวที่อพยพหนีหนาวจากไซบีเรียมาในช่วงต้นฤดูหนาว ประมาณกลางเดือน ต.ค.-พ.ย. ของทุกปี

นกนางนวลอพยพพวกนี้ฉลาด เราสามารถให้อาหารพวกมันด้วยการโยนอาหาร (หนังไก่ทอด) โยนขึ้นฟ้า พวกนกเหล่านี้ก็จะบินโฉบมาคาบไปกินได้แบบไม่ให้อาหารนั้นตกพื้น เป็นที่สนุกสนานของนักท่องเที่ยว

ที่ตั้ง: ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น

5. พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณสร้างขึ้นจากแรงบันดาลใจของคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ ผู้จัดสร้างเมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ และปราสาทสัจธรรม เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อใช้เป็นสถานที่เก็บรักษาศิลปวัตถุ มรดกทางวัฒนธรรมด้านต่างๆ และเพื่อสืบสานอนุรักษ์งานศิลป์ไทยให้คงอยู่สืบชั่วลูกชั่วหลาน

สิ่งที่โดดเด่นและเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่คือ ประติมากรรมช้างสามเศียรหรือช้างเอราวัณขนาดใหญ่ยักษ์ ที่ตั้งอยู่บนอาคารทรงกลม มองเห็นได้จากระยะไกล โดยช้างเอราวัณนี้ถือเป็นประติมากรรมลอยตัวด้วยวิธีเคาะมือแห่งแรกและใหญ่ที่สุดในโลก ทำจากโลหะทองแดงนับแสนชิ้น มีขนาดใหญ่โตมโหฬารจนต้องตะลึง โดยส่วนหัวมีน้ำหนักถึง 100 ตัน และลำตัวมีน้ำหนักถึง 150 ตัน ตัวช้างรวมอาคารมีความสูงทั้งสิ้น 43.60 เมตร หรือสูงเท่ากับตึก 14 ชั้นเลยทีเดียว

เมื่อเดินเข้าไปชมยังภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ มีการแบ่งพื้นที่การจัดแสดงเป็น 3 ส่วนคือ ชั้นล่างสุด มีชื่อว่า ชั้นสุวรรณภูมิ เป็นส่วนของการจัดแสดงความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์ และจัดเก็บโบราณวัตถุจำนวนมาก ชั้นที่อยู่กึ่งกลาง มีชื่อว่า ชั้นโลก เป็นอาคารทรงโดม ประดุจเข้าพระสุเมรุ ภายในจัดแสดงโบราณวัตถุ และงานฝีมือช่างที่วิจิตรงดงาม เพดานเป็นกระจกสี มีรูปแผนที่โบราณ ดูสวยงามในสไตล์ตะวันตก

ชั้นบนสุด มีชื่อว่า ชั้นจักรวาล เป็นส่วนที่อยู่ภายในท้องช้าง ชั้นนี้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธรูปเก่าแก่ในยุคสมัยต่าง ๆ บนเพดานมีภาพเขียนสีฝุ่นที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับระบบสุริยจักรวาล

ที่ตั้ง: ต.บางเมืองใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.

โทรศัพท์ : 0 2371 3135-6

ค่าเข้าชม : ชาวไทย ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท, ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท

เว็บไซต์ : http://www.ancientcitygroup.net/erawan/th/home

6.ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ

ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2493 ถือเป็นฟาร์มจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในเป็นสถานเพาะเลี้ยงจระเข้ขนาดต่างๆ กว่า 40,000 ตัว มีการแสดงวิธีจับจระเข้ด้วยมือเปล่า ทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ทุก ๆ 1 ชั่วโมง พักเที่ยง วันหยุดเพิ่มรอบ 12.00 น. และ 17.00 น. เวลาการให้อาหารจระเข้ 16.30-17.30 น.

นอกจากนี้ยังมีการแสดงของช้างแสนรู้ ซึ่งเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอันมาก โดยจะเปิดรอบการแสดงทุก 1 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่เวลา 09.30-16.30 น. ทุกวัน

นอกจากที่นี่จะมีการเลี้ยงจระเข้ซึ่งเป็นจุดเด่นภายในฟาร์มแล้ว ยังมีสัตว์แสนรู้อื่น ๆ อีก เช่น เสือ และลิงชิมแปนซี สัตว์ประเภทอื่น ๆ เช่น ชะนี เต่า งูเหลือม งูหลาม นก อูฐ ฮิปโป และปลาจำนวนมาก อีกทั้งยังสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ซึ่งจัดแสดงกระดูกและหุ่นจำลองไดโนเสาร์ขนาดเท่าตัวจริงกว่า 13 ชนิด พร้อมการฉายสไลด์มัลติวิชั่น เรื่องของมนุษย์และสัตว์ดึกดำบรรพ์อีกด้วย

ที่ตั้ง : เลขที่ 555 ถ.ท้ายบ้าน ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

เวลาเปิดปิด : เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8:00–18:00 น.

ค่าเข้าชม : ค่าบัตรผ่านประตู ผู้ใหญ่คนละ 80 บาท เด็ก 40 บาท

โทรศัพท์ : 0 2703 4891, 0 2703 5144-8

7.โครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริและสะพานภูมิพล

โครงการในพระราชดำริของในหลวงในรัชกาลที่ 9 ที่ให้ปรับปรุง คลองลัดโพธิ์ บริเวณคุ้งน้ำช่วงที่ไหลผ่านเขตพื้นที่ ต.บางกระเจ้าจากเดิมที่มีสภาพตื้นเขินมีความกว้างเพียง 10-15 เมตร ให้สามารถรับปริมาณน้ำได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นทางลัดของน้ำไหลลงสู่ทะเลได้สะดวก รวดเร็ว ขึ้น โดยช่วยลดระยะทางการไหลของแม่น้ำเจ้าพระยาจาก 18 กิโลเมตร ให้เหลือเพียง 600 เมตร

ประตูระบายน้ำแห่งนี้ลดเวลาการเดินทางของน้ำจากเดิม 5 ชั่วโมง ให้เหลือเพียง 10 นาทีเท่านั้น รวมถึงสร้างประตูกันน้ำ ที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ทำให้ช่วยลดผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่งใน กทม.และ ปริมณฑล จากสภาวะน้ำเหนือไหลหลากในช่วงที่ผ่านมาได้อย่างดี ซึ่งช่วยแก้ไขปัญหาอุทกภัยให้กับชาวกรุงเทพ และชาวสมุทรปราการ นับเป็นพระอัจฉริยภาพ และพระมหากรุณาธิคุณอย่างสุดซึ้ง ที่พระองค์ท่านมีต่อพสกนิกรชาวไทย

นอกจากนี้ใกล้ๆกัน ยังมีสะพานภูมิพล 1-2 และถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ที่ช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรให้กับชาวสมุทรปราการได้อย่างมหาศาล ทำให้ทั้งสองสถานที่ กลายเป็นสถานที่ซึ่งเปรียบเสมือนอนุสรณ์ในพระอัจฉริยภาพของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งสร้างประโยชน์นานับประการให้กับประชาชนชาวสมุทรปราการ และชาวไทยทั้งประเทศ

ที่ตั้ง : หมู่ที่ 9 ต.ทรงคะนองอ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

โทรศัพท์ : 0 2464 2058

8. วัดสาขลา

วัดเก่าแก่อีกของสมุทรปราการ ที่ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่สันนิษฐานว่าเป็นวัดที่ชาวบ้านร่วมกันสร้างขึ้นเมื่อคราวรบชนะพม่าในสมัยสงครามเก้าทัพ ผู้ชายที่อยู่ในวัยฉกรรจ์ถูกเกณฑ์ไปรบจนหมดทั้งหมู่บ้าน

แล้วบังเอิญมีกองลาดตระเวนของพม่า ผ่านมาบริเวณนี้จึงเข้าปล้นหมู่บ้านนี้ แต่ผู้หญิงและเด็กของหมู่บ้านนี้ ได้ร่วมกำลังกันจับอาวุธขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับพม่าจนได้รับชัยชนะ ขับไล่พม่าออกไปจากหมู่บ้านจนหมดสิ้น จนได้รับการขนานนามว่า “หมู่บ้านสาวกล้า” ก่อนที่จะเพี้ยนไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา จนกลายมาเป็นบ้านสาขลาจนถึงปัจจุบัน

ไฮไลต์ที่ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของที่นี่ คือ พระปรางค์เอียง หรือเจดีย์เอียง ในอดีตพระปรางค์มีความสูงมากกว่าที่เห็นในปัจจุบัน แต่เกิดจากการทรุดตัวของพระปรางค์ เพราะว่าตั้งอยู่ริมคลอง แผ่นดินริมตลิ่ง พังทลายลงไปบางส่วน จึงทำให้พระปรางค์เอียง แต่ก็ไม่ได้โค่นล้มลงมา

บริเวณรอบโบสถ์ ยังมีลูกนิมิตรโบราณอายุหลายร้อยปี ที่ขุดเจอสมัยที่ยกโบสถ์ และสิ่งสำคัญที่พลาดไม่ได้ นั่นคือ “การลอดโบสถ์” เชื่อกันว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์ เป็นสิริมงคลกับตัวเอง และยังได้สัมผัสฐานชุกชีของหลวงพ่อโต ซึ่งถือว่าเป็นสิริมงคลอย่างสูงสุด

ที่ตั้ง : ถนนสุขสวัสดิ์-วัดสาขลา ต.นาเกลือ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ

โทรศัพท์ : 0 2818 4030

เวลาเปิดปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7.00 – 17.00 น.

9.วัดอโศการาม

วัดอโศการาม วัดที่สำคัญในสมุทรปราการและเป็นสถานที่สำหรับวิปัสสนากรรมฐาน สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2505 ที่มาของชื่อวัดนั้นมาจากคำว่า “อโศการาม” แปลว่า แหล่งรื่นรมย์ที่ไร้ความเศร้าหมอง ภายในบริเวณวัดเต็มไปด้วยความร่มรื่นของพรรณไม้นานาชนิดไม่ว่าจะเป็นป่าโกงกาง ไม้ลำพู หรือโปรงทอง

ส่วนจุดไฮไลท์สำคัญที่ห้ามพลาดภายในวัดคือ “พระธุตังคเจดีย์” ซึ่งมีลักษณะเป็นพระเจดีย์หมู่รวม 13 องค์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่ง “ธุดงควัตร 13 ข้อ” ทุกองค์มีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุไว้ในผอบทอง เงิน นาก, “วิหารวิสุทธิธรรมรังสี” เป็นอาคารจตุรมุข 3 ชั้น ส่วนยอดเป็นมณฑปปิดทองคำบริสุทธิ์ ซึ่งมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่บนยอดมณฑป

ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธชินราชจำลอง รูปหล่อหลวงพ่อปู่มั่น ภูริทตฺโต และสริระของท่านพ่อลี ธมฺมธโร เจ้าอาวาสองค์แรกแห่งวัดอโศการาม และ “พระอุโบสถ” ซึ่งภายในเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อศรีสมุทร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิหล่อด้วยทองเหลือง ปิดทองสวยงาม

นอกจากนี้ยังมีการสร้างอนุสาวรีย์พระเจ้าอโศกมหาราช สำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วไปได้ถวายสักการะและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงเผยแผ่พระพุทธศาสนามายังดินแดนสุวรรณภูมิอีกด้วย

ที่ตั้ง : เทศบาลบางปูซอย 60 ถนนสุขุมวิท  ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.

โทรศัพท์ : 0 2395 0003

เว็บไซต์ : http://www.watasokaram.org/

10.วัดบางพลีใหญ่ใน

วัดบางพลีใหญ่ใน เป็นหนึ่งในวัดที่สำคัญที่สุดในสมุทรปราการ และเป็นสถานที่จัดงานใหญ่อย่าง งานประเพณีรับบัว ในวันขึ้น 11 ค่ำ ถึงวันที่ 14 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานของชาว อ.บางพลี

สำหรับวัดบางพลีใหญ่ใน เป็นวัดโบราณมาตั้งแต่สมัยก่อนกรุงรัตนโกสินทร์  เดิมชื่อว่าวัดพลับพลาชัยชนะสงคราม สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในชัยชนะของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชต่อพม่า

ภายในพระอุโบสถของวัดแห่งนี้ เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปองค์ใหญ่สมัยสุโขทัยปางมารวิชัยลืมเนตร เนื้อเป็นทองสัมฤทธิ์ เป็นพระประธาน และเป็นที่เลื่อมใสของประชาชนโดยทั่วไป นามว่า “หลวงพ่อโต” ดังนั้น วัดบางพลีใหญ่ใน จึงรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า “วัดหลวงพ่อโต”

นอกจากที่ผู้มาเยือนจะได้สักการะหลวงพ่อโตแล้ว ยังมีรูปหล่อจำลองหลวงพ่อวัดดังมากมายให้สักการะ เช่น หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อวัดบ้านแหลม หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลย์ เป็นต้น

ที่ตั้ง: ริมคลองสำโรง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.

โทรศัพท์ : 08 1925 2844

เว็บไซต์ : http://www.watbangpleeyainai.org