ส่องสระแก้ว แนวอีโคทัวร์ เที่ยวสบายๆ 2 วัน 1 คืน

เรื่องและภาพ: จิระนันท์ พิตรปรีชา/ ธีระ แสงสุรเดช
———

ธรรมชาติวาดมนตร์ดลสระแก้ว

งามผ่องแผ้วถ้ำนทีมีเพชรใส

ค่ำดูดาวเช้าดูนกน้ำตกไพร

ลานละลุฉลุไว้ให้ตื่นตา

ผีเสื้อว่อนฟ้อนร่ายกรายปราสาท

เยือนตลาดสุดชายแดนแสนหรรษา

ชื่นชุมชนเกษตรกรรมทำไร่นา

ลืมเวลามาสระแก้วแล้วติดใจ

จังหวัดสระแก้ว แม้จะเป็น 1 ใน 55 เมืองรองที่รัฐบาลกำลังส่งเสริม แต่ด้วยทำเลที่ตั้ง เรื่องราวความเป็นมา และศักยภาพของทรัพยากรการท่องเที่ยว ทำให้เมืองชายแดนเบื้องบูรพาแห่งนี้ไม่เป็นรองใคร ทั้งด้านธรรมชาติ แหล่งอารยธรรมโบราณ ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม

เช้านี้ที่สระแก้ว แดดยังไม่ร้อน เราไปเยี่ยมโรงเรียนกาสรกสิวิทย์กันก่อน จากเส้นทางนครนายก-ปราจีนบุรี-สระแก้ว จะอยู่ขวามือก่อนถึงตัวเมืองประมาณ 12 กม. แวะเที่ยวชมวิถีธรรมชาติ บรรยากาศบ้านทุ่ง และที่พิเศษไม่เหมือนที่ใดคือ

โรงเรียนนี้เปิดสอนวิชาไถนาให้คนกับควาย ทุกวันที่ 10-20 ของเดือน ควายจากอำเภอต่างๆ จะเดินทางมาเข้าเรียนในหลักสูตร 10 วัน ทั้งเจ้าของและควายจะเริ่มฝึกใช้ไถใช้คราด เรียนรู้การสื่อสารด้วยภาษาเชือก วันละ 2 เวลา คือ 7.30-8.30 น. และ 15.00-16.00 น.

นักท่องเที่ยวก็สามารถฝึกไถนา โดยมีปราชญ์ท้องถิ่นคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด  เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นไม่น้อย

ภาพ ททท. ภูมิภาคตะวันออก

ตกสายๆหน่อย เดินทางไปต่อกันที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา “ดงผีเสื้อของผืนป่าตะวันออก” ที่ว่ากันว่ามีผีเสื้อกว่า 500 ชนิด ช่วงปลายร้อนต้นฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป จะมีฝูงผีเสื้อนับหมื่นมากินดินโป่งที่เจ้าหน้าที่ล่อไว้ สีสันลีลาขยับปีกระยิบระยับไปทั้งแนวป่า  แต่ถ้าวันไหนฟ้าครึ้มฝนก็ถือว่าโชคไม่เข้าข้าง ผีเสื้อจะไม่บินออกมาเริงระบำให้ชมกัน

จุดที่นักท่องเที่ยวสามารถขับรถไปจอดแล้วเดินไม่ไกลคือ “โป่งรับแขก” หรือจุดดูผีเสื้อด่าน 2 แค่ที่นี่ก็มีผีเสื้อสารพัดสี ทั้งผีเสื้อวงศ์หนอนกระหล่ำตัวสีเหลืองนวล  ผีเสื้อหนอนใบกุ่มเส้นดำ ผีเสื้อปลายปีกส้มใหญ่

ส่วนวงศ์ผีเสื้อหางติ่งจะมีผีเสื้อม้าลาย ผีเสื้อหางดาบ ผีเสื้อหนอนจำปี  หรือผีเสื้อวงศ์ขาหน้าพู่ที่พบบ่อยได้แก่ ผีเสื้อจรกาตัวดำๆ ผีเสื้อสีอิฐธรรมดา ผีเสื้อช่างร่อน ถ้าเป็นตัวเล็กๆ ก็จะได้เจอทั้งผีเสื้อหางพลิ้ว ผีเสื้อหนอนพุทรา ผีเสื้อหิ่งห้อยสีคล้ำ และสุดท้ายคือวงศ์ผีเสื้อบินเร็ว ซึ่งถ้าโชคดีจะได้เจอพระเอกของปางสีดา คือ ผีเสื้อลายซิกแซก ตัวเหลืองจุดดำ

จากนั้น เราเดินทางเข้าตัวเมืองสระแก้ว ระยะทาง 27 กม. แวะทานอาหารกลางวันที่ร้านยายเต็ม อาหารเวียดนามในบรรยากาศวินเทจ นอกจากอาหารที่จัดเป็นชุดในราคาไม่แพง ฟังเพลงเพลินๆแล้ว ยังจะได้ฟินไปกับของสะสมนานาชนิดที่จะพาย้อนอดีตสู่ยุค 70-90

หลังจากอิ่มท้องแล้ว เราเดินทางต่อไปยังอำเภอทางใต้ของจังหวัดสระแก้ว เพื่อเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยว unseen หลายแห่ง เช่น วัดป่าเขาลาน อำเภอวังสมบูรณ์ วัดนี้ตั้งอยู่บนเขา

ในช่วงเช้าตรู่ของฤดูฝน เมื่อแสงแรกสัมผัสขอบฟ้า เราจะได้เคลิบเคลิ้มกับริ้วคลื่นทะเลหมอก  มองไกลออกไปมีทิวเขาป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน อยู่เบื้องหน้า

และนกยูงที่วัดเลี้ยงไว้จนขยายพันธุ์เป็นหลายสิบตัว จะทยอยบินลงจากคอนไม้ในป่ารอบๆ ลงสู่ลานวัด เพื่อรอรับเมล็ดข้าวโพดจากพระ พวกมันคุ้นเคยกับญาติโยมจนเราเข้าใกล้ถ่ายรูปได้สบาย  ในช่วงเช้าและบ่ายแก่ๆ  ยิ่งถ้าเป็นช่วงฤดูผสมพันธุ์ เราก็จะได้เห็นนกยูงรำแพนอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว

ถ้ำน้ำเขาศิวะ อำเภอคลองหาด เป็นถ้ำที่ต้องเดินลุยน้ำเข้าไปประมาณ 500 เมตร  อบต.คลองไก่เถื่อนมีเสื้อชูชีพและรองเท้ายางให้บริการ เราจะต้องเตรียมชุดที่พร้อมลุยน้ำ  ไม่หนักและเป็นภาระ เพราะบางช่วงน้ำลึกมิดศีรษะต้องเกาะห่วงยางไป บางช่วงเพดานถ้ำต่ำจนต้องลอยคอ แต่ส่วนใหญ่จะเดินเท้าได้ตลอด

ภายในถ้ำ เมื่อถึงโถงใหญ่จะพบหินงอกหินย้อย เมื่อสัมผัสแสงไฟแวววาวระยิบระยับ  มีหินรูปลักษณ์ต่างๆ ตามจินตนาการที่เจ้าหน้าที่บอกเล่าบรรยายจนต้องเคลิ้มตาม บางช่วงเป็นช่องน้ำไหลคล้ายน้ำตกเล็กให้ขึ้นไปยืนได้ด้วย

จุดหมายต่อไปคือ อำเภอเขาฉกรรจ์ เพื่อมาชมทุ่งดอกไม้สีเหลืองสวยงาม พร้อมสะพานไม้ไผ่ทอดยาวตามเทรนด์ท่องเที่ยวที่กำลังฮิต ที่นี่คือ “วู้ดเฮ้าส์” เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวมาได้ไม่ถึงปี แต่ด้วยความสวยงามของทิวทัศน์เขาหินปูนขนาดใหญ่  ผสานกับสีเหลืองอร่ามของทุ่งดาวกระจาย  ใครๆก็ต้องมาเช็คอินที่นี่ ซึ่งเขาเปิดให้ชมฟรี มีร้านขายชานมไข่มุกและอาหารว่าง ให้เรานั่งกินไปชมวิวไปเพลินๆ

ได้เวลาประมาณ 6 โมงเย็น นักท่องเที่ยวเริ่มออกมานั่งบนสะพานไม้ รอดูค้างคาวนับล้านตัว ที่ทยอยบินเป็นสายออกจากถ้ำเขาฉกรรจ์ ปรากฏการณ์นี้เรียกเสียงฮือฮาไม่ขาดระยะ ถัดจาก “วู้ดเฮ้าส์” ไปนิดเดียว มีทุ่งดอกไม้แห่งใหม่ชื่อ “มีเขา มีเรา คาเฟ่” ที่ นี่มีดอกไม้หลายชนิด สีม่วง ชมพู เหลือง ละลานตาน่าถ่ายรูป และเป็นอีกจุดที่ดูค้างคาวยามเย็นได้

ภาพ ททท.ภูมิภาคตะวันออก

วันที่สอง จากอำเภอทางใต้ เราเดินทางขึ้นเหนือตามเส้นทางยอดนิยม เริ่มกันที่ “ตลาดโรงเกลือ” อำเภออรัญประเทศ ตลาดการค้าชายแดนใหญ่ที่สุดที่ใครๆก็รู้จัก เป็นแหล่งจำหน่ายสินค้ามือสอง ทั้งรองเท้า เสื้อผ้า ผ้าม่าน กระเป๋า และสินค้าจากประเทศอินโดจีน ในราคาย่อมเยาว์ พื้นที่การค้านี้มีถึง 10 ตลาดย่อย ถ้าเดินไม่ไหวก็ต้องหาเช่าจักรยานหรือรถกอล์ฟขับช้อปปิ้งกัน

หลังจากทานอาหารกลางวันที่ตัวเมืองอรัญประเทศแล้ว เราเดินทางต่อไปยัง “อุทยานประวัติศาสตร์ปราสาทสด๊กก๊อกธม” อำเภอโคกสูง เป็นปราสาทหินใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก

คำว่า “สด๊กก๊อกธม”เป็นภาษาเขมร  “สด๊ก” แปลว่า รก ทึบ “ก๊อก” แปลว่า ต้นกก และคำว่า “ธม” แปลว่า ใหญ่   ดังนั้น”สด๊กก๊อกธม”จึงแปลว่า รกไปด้วยดงต้นกกใหญ่ ซึ่งปัจจุบันยังพอมองเห็นหนองน้ำใหญ่ในอดีตอยู่ใกล้ ๆ ปราสาทนั่นเอง

ทุกวันที่ 22 มีนาคมของทุกปี จะเกิดปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์โผล่กลางช่องประตูหรือโคปุระทั้งสองชั้น มองเห็นได้ตั้งแต่ปรางค์ประธาน ซึ่งในปี 2562 ในช่วงเวลาก่อนดูพระอาทิตย์ขึ้นลอดช่องประตู จังหวัดได้จัดแสดงแสงสีเสียงเล่าเรื่องราวของปราสาทแห่งนี้ ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาชมความงดงามของอารยธรรมขอมโบราณ

บ่ายคล้อย เราเดินทางต่อไปยังดินแดนมหัศจรรย์ที่ชื่อ “ละลุ” เป็นหนึ่งใน Unseen in Thailand ที่ควรมาชม ที่จริงแล้วละลุมีพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 2000 ไร่ ครอบคลุม 5 หมู่บ้าน แต่รับนักท่องเที่ยวได้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น “ละลุ” เป็นภาษาเขมร แปลว่า “ทะลุ”  ถือเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากน้ำฝนกัดเซาะทำให้ดินยุบตัวลง และถูกลมกัดกร่อนจนมีลักษณะเป็นรูปต่างๆ คล้ายกำแพงเมือง หน้าผา ปราสาท เจดีย์ ตามแต่จินตนาการพาไป

ทุกวันนี้ การพังทลายของดินยังคงเกิดขึ้นทำให้ “ละลุ”เปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ   ความสวยงามของ”แท่งหิน-ดินยุบ” ทำให้ช่างภาพจากทั่วสารทิศเดินทางมายังละลุในคืนเดือนมืด เพื่อถ่ายภาพ “แกแล็คซี่ทางช้างเผือก” โดยมีละลุเป็นฉากหน้า

(ภาพทางช้างเผือกที่ละลุ โดย วุฒิชัย กรดคีรี)

เพียงสองวัน เราก็อัศจรรย์ใจ หลงใหลในความงามสงบของดินแดนสระแก้ว จนไม่อยากกลับบ้าน และสัญญากับตัวเองว่าจะต้องกลับมาอีกในฤดูผลไม้ คราวนี้ไม่ใช่เพื่อชมธรรมชาติเท่านั้น สระแก้วยังเลื่องชื่อด้านสวนเกษตร ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้ ชมพู่  แคนตาลูป และมะขามป้อม ส่งขายทั่วไทยอีกด้วย